นานมีสุดอั้นปรับราคาปลายปีขยายโออีเอ็มพร้อมตลาดส่งออก


ผู้จัดการรายวัน(18 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นานมีเผยยอดขาย 7 เดือนแรกยังโตตามเป้า 10% ระบุปัจจัยลบจากราคาน้ำมันเพิ่มสูงกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าหมวดเหล็กและพลาสติก สุดที่จะอั้นภาระต้นทุนเตรียมปรับราคาสินค้าบางกลุ่มขึ้นช่วงปลายปีนี้ พร้อมเดินหน้าทำตลาดหนักในช่วง 5 เดือนนี้ ล่าสุดทุ่มงบตลาด 23 ล้านบาท ส่งภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง หวังให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีโต 20% ด้านตลาดส่งออกเล็งขยายตลาดเพิ่มที่อเมริกา, แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง คาดสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 30%

นายศุภชัย สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน ภายใต้แบรนด์ตราม้า, นานมี, แอโรว์, แม็กซ์ และสีศิลปากร เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ยอดขายโตตามเป้าที่วางไว้ที่ 10% ซึ่งภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีหรือราคาน้ำมันปรับขึ้นราคาส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ บ้างในส่วนของต้นทุนการผลิตบางอย่าง เช่น ราคาเหล็กและพลาสติกปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่า 10%

ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ จึงมีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าในกลุ่มที่ผลิตจากเหล็กและพลาสติก โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาสินค้าอยู่ ขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานมีหลายแบรนด์ที่ปรับขึ้นราคาสินค้าไปก่อนแล้วประมาณ 10-20%

ปัจจุบันสินค้าของบริษัทฯ มีเกือบ 2,000 เอสเคยู ในทั้ง 5 แบรนด์ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มประเภทได้ดังนี้ 1.อุปกรณ์ศิลปะ 2.แฟ้ม 3.ปากาเคมี 4.เครื่องใช้สำนักงาน 5 อุปกรณ์เครื่องเขียน และ 6.สินค้าที่ได้รับลิขสิทธิ์การ์ตูนเพื่อเยาวชน ซึ่งในแต่ละเดือนบริษัทฯ จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากแบ่งตามแบรนด์จะแบ่งได้ดังนี้ ตราม้าเป็นเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานที่เจาะกลุ่มแมส, นานมีเป็นสินค้าที่เน้นสีและสินค้าที่แบรนด์ม้าไม่มี, แอโรว์เป็นไฟต์ติ้งแบรนด์ที่เน้นเรื่องราคา, แม็กซ์จะเป็นที่เครื่องเย็บและเจาะกระดาษ และสีศิลปากรก็เป็นกลุ่มสีต่างๆ

นางสาวปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 เดือนนี้บริษัทฯ เตรียมรุกทำตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์ 2 ชุด ชุดกระโดดและชุดจ๊อกกี้ โดยมีแนวคิดหลัก “emotional approach” ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 17 ส.ค. 49 จนถึงสิ้นปีนี้

สำหรับงบประมาณในการผลิต, การซื้อสื่อ และโฆษณาประชาสัมพันธ์ใช้ไปกว่า 23 ล้านบาท จากงบการตลาดทั้งปีประมาณ 10% ของยอดขาย โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มคนทำงานและเจ้าของกิจการทั่วประเทศ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์ ร่วมกับร้านค้าและโมเดิร์นเทรด เช่น การโค-โปรโมชั่น, การออกบูทแนะนำสินค้าตามมหาวิทยาลัย และการแจกสินค้าตัวอย่างให้นักศึกษาลองใช้ เป็นต้น

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้มีการเปิดที่ทำการใหม่อย่างเป็นทางการโดยได้ทำการย้ายบริษัทจากถนนมหานครมายังถนนสาธรเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ภายใต้งบลงทุนหลายร้อยล้านบาท ซึ่งบริษัทใหม่นี้มีพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง และมีพื้นที่ใช้สอย 14 ชั้น 14,000 ตารางเมตร

ทั้งนี้บริษัทฯ คาดหวังในส่วนของยอดขายสิ้นปี 2549 นี้จะมีเพิ่มขึ้นประมาณ 20% หรือยอดขายสิ้นปีปิดที่ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายรวมของทุกแบรนด์ในปีที่แล้วมีประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับดีสุด คือ สินค้าตราม้า เช่น ปากกามาร์คเกอร์, แฟ้ม โดยมียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 60% หรือคิดเป็นมูลค่ายอดขาย 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ทำโออีเอ็มหรือรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อื่นๆ ด้วย เช่น ผลิตสินค้าป้อนให้กับเฮาส์แบรนด์ เช่น แมคโคร, เทสโก โลตัส ฯลฯ รวมถึงยังรับผลิตให้กับผู้ที่ต้องการสินค้าในแบรนด์ของตัวเอง และผลิตสินค้าลิขสิทธิ์การ์ตูนต่างประเทศ อาทิ โดเรมอนและพู เป็นต้น ซึ่งยอดรายได้ในส่วนของโออีเอ็ม คิดเป็น 10% จากยอดการผลิตรวม

ด้านตลาดส่งออกปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการส่งสินค้าออกไป 60 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็นยอดขาย 20% ของยอดรายได้ทั้งหมด โดยแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในประเทศแถบยุโรป 40% หรือ 160 ล้านบาท, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 40% และประเทศอื่นๆ อีก 20% โดยในปีนี้บริษัทฯ เล็งขยายตลาดเพิ่มไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ อเมริกา, แอฟริกาใต้และกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งจากการรุกตลาดมากขึ้นคาดว่าสัดส่วนยอดขายจะเพิ่มเป็น 30%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.