ตลท.แขวนป้าย SP และ NP หุ้น BNT ผู้สอบไม่แสดงความเห็นรองบแก้ไข


ผู้จัดการรายวัน(17 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลท. การขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP หลักทรัพย์ของ BNT เพื่อรองบการเงินฉบับแก้ไข หลังผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นในงบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ ที่บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 267.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 225.23% เนื่องจากการตั้งสำรองสูงกว่าปีที่ผ่านมา และบริษัทแจงว่าจากโครงสร้างและแผนธุรกิจใหม่ยังไม่สามารถแสดงผลที่เป็นปัจจัยบวกแก่บริษัทและบริษัทย่อยได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานขาดทุน รวมทั้งความไม่แน่นอนของความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยในอนาคต ซึ่งอาจมีผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญอย่างมากต่องบการเงิน

เนื่องจากบริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BNT) ได้นำส่งงบการเงินไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ฉบับที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถสรุปผลการสอบทานงบการเงินของบริษัทได้ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฎในงบการเงินอาจไม่ได้แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้

ตลาดหลักทรัพย์ จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าของวันที่ 16 สิงหาคม 2549 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง รวมทั้งรับทราบคำชี้แจงของบริษัทโดยทั่วถึง โดยจะอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทดังกล่าวข้างต้นต่อไป พร้อมกับการขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันที่ 17 สิงหาคม 2549 จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข หรือจนกว่าจะได้ข้อสรุปว่าบริษัทไม่ต้องแก้ไขงบการเงินดังกล่าว

นายวิชัย เบญจพลาพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท บีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BNT) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี49 สิ้นสุด 30 มิถุนายนปีนี้ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 267.47 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 185.23 ล้านบาท หรือเท่ากับ 225.23% เนื่องจากในไตรมาสนี้ได้มีการตั้งสำรองต่างๆ รวมเป็นจำนวนเงิน 225.35 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา 197.79 ล้านบาท หรือเท่ากับ 717.67% และในส่วนของผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ จำนวนเงิน 341.24 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 260.31 ล้านบาท หรือเท่ากับ 321.65% เนื่องจากมีการตั้งสำรองต่างๆ รวมเป็นจำนวนเงิน 221.98 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา 249.41 ล้านบาท หรือเท่ากับ 909.26%

โดย BNT ได้ชี้แจงเพิ่มเติมมาก่อนแล้วว่าจากการที่โครงสร้างและแผนธุรกิจใหม่ยังไม่สามารถแสดงผลที่เป็นปัจจัยบวกแก่บริษัทและบริษัทย่อยได้อย่างชัดเจน บริษัทและบริษัทย่อยและเฉพาะบริษัทมีขาดทุนสุทธิจำนวน 359.67 ล้านบาท (ไม่รวมผลของการโอนกลับรายการบัญชีสำรองต่าง ๆ ของบริษัทและบริษัทย่อยและเฉพาะบริษัทจำนวน 18.43 ล้านบาท) สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน2549 บริษัทและบริษัทย่อยและเฉพาะบริษัทมีผลขาดทุนสะสมเป็นจำนวน 1,306.93 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนของความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยในอนาคต ซึ่งอาจมีผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญอย่างมากต่องบการเงิน ตามความเห็นของผู้สอบบัญชีด้วยตระหนักในภาวการณ์ดังกล่าวบริษัทฯ และบริษัทย่อย จึงได้ปรับนโยบายทางธุรกิจเพื่อให้เกิดผลดีกับการดำเนินงานดังต่อไปนี้คือ

การปรับลดธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจต่ำหรืออาจส่งผลดังกล่าวในระยะยาว การปรับลดค่าใช้จ่ายและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทรัพย์สิน เพื่อก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และบริษัทฯ ดาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัทที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการลงทุนในบริษัทที่ให้ผลตอบแทนดีและต่อเนื่อง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.