|

N-Park ขาดทุน 459 ล้านบาท เหตุไตรมาส 1 ไม่มีกำไรจากการขาย
ผู้จัดการรายวัน(17 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
N-Park แจงผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก รายได้ลดฮวบ 44.12% สาเหตุไม่มีกำไรจากการขาย ส่งผลขาดทุน 459 ล้านบาท ด้าน "แปซิฟิค แอสเซ็ทส์" ยืดอายุเงินกู้แก่ N-Park ออกไปอีก 3 เดือน คิดดอกเบี้ย 8.25% ต่อปี ส่วนมั่นคงเคหะการ แจงรายได้ 6 เดือนแรกลด 36.37% เหตุลูกค้ากู้แบงก์ไปผ่านสูงต้องนำสินค้ากลับมาขายใหม่
นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-Park ได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปี 2548 บริษัทมีรายได้รวม 314 ล้านบาท ลดลง 44 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 12.33 บริษัทขาดทุนสุทธิ 210 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปี 2548
สำหรับงวด 6 เดือน บริษัทมีรายได้รวม 453.70 ล้านบาท ลดลง 358.22 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 44.12 เนื่องจากในไตรมาสแรกบริษัทไม่มีการรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สิน ส่งผลทำให้บริษัทมีขาดทุนสุทธิจำนวน 459.31 ล้านบาท ส่วนฐานะการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 49 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 13,213.23 ล้านบาท และหนี้สินรวม 6,483.54 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 6,729.69 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าตามบัญชีหุ้นละ 0.84 บาท
ด้านนายอเล็กซ์ ที-เฮง โฮ รองประธานกรรมการ บริษัทแปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการบริษัทมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา อนุมัติการขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ N-park ออกไปอีก 3 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.25 ต่อปี และหนี้ดังกล่าวครบกำหนดชำระคืนวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ N-Park ออกไปอีก 3 เดือน โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 8.25 ต่อปี ซึ่งที่ผ่านมา N-Park ได้ชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนมาโดยตลอด จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 49 ดอกเบี้ยที่ N-Park ชำระรวมทั้งสิ้นกว่า 3.2 ล้านบาท
มั่นคงรายได้ 6 เดือน ลด 36.37% ชี้ลูกค้าถูกแบงก์ปฏิเสธเงินสูง
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2549 ว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ 383.07 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาสที่แรก 26.30% แต่ลดลง 36.37% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากยอดจองในปี 2549 ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านสั่งสร้างซึ่งต้องใช้เวลา 6-10 เดือนในการส่งมอบ จึงยังไม่สามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 2
นอกจากนี้ในปี 49 ยอดลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อจากธนาคารสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมามาก ทำให้ต้องยกเลิกการจองและนำกลับมาขายใหม่ ทำให้ระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์ไปตกอยู่ในครึ่งหลังของปี เป็นส่วนใหญ่แตกต่างจากปีที่ผ่านมาซึ่งการรับรู้รายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอระหว่างไตรมาส ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดจองรอรับรู้สิ้นไตรมาสที่ 2 ประมาณ 1,200 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังสามารถบริหารต้นทุนได้ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เห็นได้จากอัตราส่วนกำไรเบื้องต้นที่ 40.38% ใกล้เคียงกับ 40.74% ในไตรมาส 2/2548 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 11.23 ล้านบาท จากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากในไตรมาส 1 มีการจ่ายโบนัสแก่พนักงาน ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสนี้สูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา จาก 8.33 ล้านบาท เป็น 9.02 ล้านบาท จากยอดเงินกู้ที่สูงขึ้นประมาณ 250 ล้านบาท บริษัทฯ จึงมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 61.61 ล้านบาท ลดลง 56.83% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่สูงขึ้น 109.06% จากไตรมาสที่แล้ว เมื่อรวมกับรายการพิเศษกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กำไรสุทธิจึงเท่ากับ 62.21 ล้านบาท สำหรับงวด 3 เดือน และ 117.84 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือน คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิ ที่ 16.54% กำไรต่อหุ้น (EPS) 0.14 บาท
ในส่วนของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 101.02 ล้านบาท จากไตรมาสที่แล้ว จากงานก่อสร้างและพัฒนาที่ดินที่เพิ่มขึ้น สำหรับหนี้สินเพิ่มขึ้น 211.53 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากยอดเงินกู้ที่สูงขึ้น ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 110.52 ล้านบาท เนื่องจากการจ่ายเงินปันผล ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงขึ้นเล็กน้อย จาก 0.64 เท่าในไตรมาสที่ผ่านมา เป็น 0.70 เท่า ณ.สิ้นไตรมาสที่ 2
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|