TUCCผลงานทรุดหลังต้นทุนพุ่ง


ผู้จัดการรายวัน(16 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ แจงเหตุกำไรไตรมาส 2 ลดลง เพราะต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นจากซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น เตรียมซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายอื่นและนำเข้าจากต่างประเทศแทน ยังเชื่อมั่นผลประกอบการปีนี้เป็นไปตามเป้ามียอดขายโตไม่ต่ำกว่า 10-12% ตามอุตสาหกรรมโดยรวม

นายทรงชัย ลีละวินิจกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUCC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 10.90 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.10 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาทนั้น ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 31.06 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.80 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทลดลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเพราะในไตรมาส 2 ซัพพลายเออร์รายใหญ่สุดของประเทศได้มีการปรับราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทหาแนวทางในการแก้ปัญหา โดยจะมีการปรับราคาสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาดโดยรวม

นายทรงชัยกล่าวว่า แม้ผลประกอบการในไตรมาส 2 จะลดลง แต่บริษัทก็ยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการทั้งปีนี้จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยคาดว่ารายได้ทั้งปีจะเพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมโดยรวมอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10-12% ซึ่งแผนงานในช่วง4 เดือนที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเร่งพัฒนาคุณภาพสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงพัฒนารูปแบบสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะจำหน่ายในประเทศ 95% ส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศนั้นจะอยู่ในระดับ 5% โดยตลาดต่างประเทศจะอยู่ในประเทศมาเลเซียและประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งบริษัทพยายามที่จะทำการตลาดในประเทศให้มั่นคงก่อน หลังจากนั้นจึงจะมุ่งเน้นไปยังตลาดต่างประเทศส่วนกรณีของการหาพันธมิตรต่างประเทศที่มาเป็นคู่ค้าทางการค้านั้น

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาก็มีคู่ค้าจากต่างประเทศหลายแห่งมาเจรจา ซึ่งความร่วมมือนั้นจะเป็นการทำธุรกิจร่วมกัน แต่ไม่ใช่การเข้ามาถือหุ้นแต่อย่างใด

นางสมนึก แสงอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีการเงิน บริษัทไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงผลประกอบการในงวด 6 เดือนว่า บริษัทฯและบริษัทย่อย มียอดรายได้รวมเพิ่มขึ้น 140.22 ล้านบาท เป็น 23.96% ในขณะที่มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเป็น 26.23% อันเป็นผลมาจากการที่ Supplier ได้ปรับราคาวัตถุดิบที่บริษัทฯ ทำการจองไว้และรับ Order จากลูกค้าไว้แล้วจึงทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคากับลูกค้าได้ และเพื่อเป็นการรักษาสัญญาในการส่งมอบสินค้า บริษัทฯ จึงต้องยอมรับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นจากการปรับราคา

โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ทำการลดความเสี่ยงจากภาวะดังกล่าวด้วยการเพิ่มช่องทางซื้อวัตถุดิบให้หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมภายในครึ่งปีแรกบริษัทมีค่าใช้จ่ายขายและบริหาร รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตลาดและการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯไม่มีผลขาดทุนสะสมยกมา ทำให้บริษัทฯมีภาระต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 8.38 ล้านบาท จึงทำให้ผลต่างจากการดำเนินงานในงวด 6 เดือน ปี 2549 น้อยกว่างวด 6 เดือน ปี 2548 เป็นจำนวน 15.74 ล้านบาท เป็น 33.63%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.