ภัทรรุกธุรกิจที่ปรึกษาลงทุนส่วนบุคคลตั้งเป้ามาร์เกตแชร์สิ้นปี49ระดับ2.8%


ผู้จัดการรายวัน(15 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บล.ภัทรเผยธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลตั้งเป้าโต 5% ในครึ่งปีหลัง จากมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารในปัจจุบันจำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ามาร์เกตแชร์สิ้นปีนี้อยู่ที่ระดับ 2.8% หันแนะนำลูกค้าลงทุนเอฟไอเอฟเพื่อบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนจากภาวะหุ้นผันผวน คาดหวัง 5-10 ปีข้างหน้ามีรายได้อินเทอร์เน็ต 5-10% ของรายได้รวม

นางกุลนันท์ ซานไทโว กรรมการผู้จัดการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจากการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น 5% จากครึ่งปีแรกที่มี 5.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทเป็นตัวตัวแทนการจำหน่ายกองทุนให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท และจากภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงและมีความผันผวนทางบริษัทได้มีการแนะนำให้ลูกค้าของบริษัทหันมาลงทุนในกองทุนเพื่อลงทุนในต่างประเทศ (FIF) มากขึ้นเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของลูกค้าส่วนบุคคลสิ้นปีนี้ที่ 2.8% จากครึ่งปีแรกที่มีมาร์เกตแชร์ที่ 2% จากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทได้มีการแนะนำให้ลูกค้าเข้ามาลงทุนในกองทุนมากขึ้น โดยในครึ่งปีหลังบริษัทก็จะเป็นตัวแทนการจำหน่ายกองทุนของบลจ.ทิสโก้ จำกัด คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิค คุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะเป็นกองทุนที่จะนำเงินไปลงทุนผ่าน Sgam Japan Index Fund และลงทุนผ่าน Aberdeen Global Asia Pacific Fund

“ครึ่งปีแรก ปี 2549 มีลูกค้าส่วนบุคคลเปิดบัญชีแล้วจำนวน 600-700 บัญชี เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่มี 500 บัญชี ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากต้นปีจำนวน 5 พันล้านบาท การที่จำนวนบัญชีลูกค้าและสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทเป็นตัวแทนการจำหน่ายกองทุนซึ่งมีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดยลูกค้าส่วนบุคคลของบริษัทจะมีขนาดการลงทุน 10 ล้านบาทขึ้นไป” นางกุลนันท์ กล่าว

สำหรับกองทุนดังกล่าวจากบริษัทได้เข้าไปช่วยในเรื่องการออกแบบลักษณะการลงทุน โดยเป็นกองทุนคุ้มครองเงินต้นเป็นเวลา 2 ปี มีขนาดกองทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะอิงกับดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งหากตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% ก็จะได้รับผลตอบแทนประมาณ 50% และนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนก็จะไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเปิดขายในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งทางบริษัทได้มีการแนะนำกับลูกค้าบ้างแล้ว

นายณฤทธิ์ โกสลาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บล.ภัทร จำกัด กล่าวว่า ส่วนธุรกิจด้านการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต (Phatra Direct) ของบริษัทขณะนี้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนผ่าน จำนวน 400 ราย ซึ่งมีการซื้อขายสม่ำเสมอประมาณ 50% ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรจากที่ได้มีการเปิดให้บริการในเดือน พฤศจิกายน 2548 แต่ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ว่าจะมีมาร์เกตแชร์ที่ 2-3% จากปัจจุบันที่มีมาร์เกตแชร์เพียง 1% เท่านั้น จากการที่กลุ่มลูกค้าที่บริษัทเข้าไปพบนั้นไม่ใช่นักลงทุนที่ลงทุนหุ้นซึ่งจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูล

ทั้งนี้บริษัทจะมีการออกไปหาลูกค้ามากขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ที่มีโอกาสที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ออกไปหากลุ่มลูกค้า เช่น ตึกออร์ซีซัน ชินวัตร3 ฯลฯ ซึ่งได้มีลูกค้าเปิดบัญชี 50-60 ราย และเชื่อว่าอนาคตจะมีเพิ่มขึ้นอีก และบริษัทก็จะมีการจัดโปรโมชั่น จากลูกค้าของบริษัทได้มีการชวนเพื่อนหรือคนรู้จักเข้ามาเปิดบัญชี จะได้รับสิทธิประโยชน์

สำหรับในไตรมาส 1 ของปี 2549 บริษัทจะมีการเปิดให้บริการซื้อขายกองทุนผ่านอินเทอร์เน็ต จากการที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อความสะดวกกับลูกค้าให้เข้ามาสามารถซื้อผ่านทางบริษัทได้

อย่างไรก็ตามมองว่าธุรกิจการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต เพราะมีความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งในตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายจำนวนมาก เช่น ตลาดหุ้นเกาหลี ตลาดหุ้นไต้หวัน ฮ่องกงก็จะมีการซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ตในสัดส่วนที่สูง โดยบริษัทหวังว่าในอีก 5-10 ปี จากนี้บริษัทจะมีรายได้อย่างน้อย 5-10% ของรายได้รวม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.