เตือนภัย 5 ปีไทยแพ้จีนทุกประตูสำนักศก.อุตฯแนะผู้ประกอบการปรับตัว


ผู้จัดการรายสัปดาห์(14 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

สำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรมส่งสัญญาณเตือนภัยรัฐ-ผู้ประกอบการไทย ปรับตัวก่อนแพ้จีนทุกประตูใน 5 ปี เพราะจีนเร่งพัฒนาฝีมือแรงงาน เสริมจุดเด่น "ราคาถูก -ไฮเทคโนโลยี" หวังตีตลาดโลก ชี้ 5 อุตฯ ใหญ่ กระทบหนัก โดยเฉพาะเหล็กเส้นที่เตรียมทะลักล็อตใหญ่สู่ไทย พร้อมจี้ก.พาณิชย์ปราบนักธุรกิจจีนตั้งบริษัทในไทยส่งออกสินค้าไปจีนเอง

แม้ไทย-จีน จะมีการดำเนินการสัมพันธ์ระหว่างกันแบบพี่-น้องกัน แต่ต้องยอมรับว่าในด้านอุตสาหกรรมแล้ว ปัจจุบันจีนได้เร่งพัฒนาระบบการผลิต ที่นอกจากจะเน้นค่าแรงงานที่มีราคาถูก ยังเน้นพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูงหรือไฮเทคโนโลยี แน่นอนว่ายิ่งจีนก้าวไปข้างหน้าไกลมากเท่าไร อุตสาหกรรมของไทยย่อมได้รับผลกระทบมากเท่านั้น และผู้ประกอบการไทยต้องรีบปรับตัว...

3 เหตุไทยไม่อาจต่อกรจีน

ศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ สำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปค้าขายกับจีน หรือทำธุรกิจแข่งกับจีนโดยสภาพความเป็นจริงแล้ว ไทยไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุผล 3 ประการใหญ่ ๆ

เริ่มจากการที่จีนยังมีการปกครองระบอบคอมมิวนิตย์ ได้ทำให้รัฐบาลสามารถกำหนดต้นทุนสินค้าได้ เนื่องจากทรัพยากรทุกอย่างเป็นของรัฐ ฉะนั้นสินค้าจีนที่ผลิตขึ้นมาจึงมีราคาถูก เมื่อจีนส่งออกสินค้าตัวไหน สินค้าตัวนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อสินค้าประเภทเดียวกันของประเทศต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่กระทบไปทั่วโลก ตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์จีนจึงไม่ได้เป็น Market Economy เพราะไม่มีต้นทุน

นอกจากนั้น จีนได้วางกฎเกณฑ์ของกฎหมายการลงทุนของชาวต่างชาติไว้ชัดเจนว่า หากชาวต่างชาติต้องการทำธุรกิจในจีน จะต้องทำในรูปแบบของการร่วมทุน โดยจีนจะเป็นผู้ลงทุนในทรัพยากร ส่วนชาวต่างชาติจะต้องลงทุนด้วยเงิน และระบุไว้ชัดเจนว่าชาวต่างชาติจะต้องนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาถ่ายทอดด้วย

ขณะเดียวกันจีนแม้ว่าจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การค้าระหว่างประเทศ หรือ WTO แล้ว แต่เป็นที่รู้กันว่าจีนยังมีนโยบายกีดกันทางการค้า ทั้งด้านภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพราะฉะนั้นการไปทำธุรกิจในจีนให้ประสบความสำเร็จจึงเป็นเรื่องยาก

แนะ 5 อุตฯ เร่งปรับตัว-กระทบหนัก

สำหรับสำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่มีหน้าที่เป็นระบบเตือนภัยภาคอุตสาหกรรมให้ทั้งรัฐบาลและเอกชนไทยแล้ว มองว่าจีนเป็นคู่แข่ง ที่ไทยยังไม่สามารถต่อกรได้ และสินค้าอุตสาหกรรมของจีน ทุกตัวที่จีนผลิตออกมาส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมไทยทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี มีสินค้า 5 ประเภทที่อยากเตือนว่าผู้ประกอบการไทยต้องรีบปรับตัว ได้แก่ เหล็ก,สิ่งทอ,เฟอร์นิเจอร์,เครื่องหนัง, และอัญมณีและเครื่องประดับ

โดยเหล็กจะเป็นสินค้าที่กระทบกับไทยในระยะอันใกล้มาก โดยเดิมจีนมีการเร่งก่อสร้างเมือง แต่เนื่องจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกนโยบายใหม่ ให้มีการชะลอการก่อสร้างต่าง ๆ ความต้องการในการบริโภคเหล็กของคนจีนขณะนี้จึงเริ่มลดตัวลง แต่ก่อนหน้านี้ตามโรงงานผู้ผลิตเหล็กของจีนเองได้เพิ่มกำลังการผลิต และเร่งทำการผลิตอย่างหนัก ทำให้เกรงว่าเหล็กที่จะออกมาสู่ท้องตลาดจะมีจำนวนที่เกินความต้องการในจีน และจีนจะมีการส่งออกเหล็กตัวนี้ออกนอกประเทศ

เนื่องจากเหล็กเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก จึงมองว่าจีนจะส่งเหล็กมาขายในภูมิภาคเอเชียนี้ เพราะจะสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้มาก ซึ่งไทยก็เป็นประเทศเป้าหมาย ขณะเดียวกันเหล็กที่จีนผลิตเป็นเหล็กเส้นคุณภาพปานกลาง เหมือนกับเหล็กที่ไทยผลิตแต่มีราคาถูกกว่ามาก ถ้าเหล็กจีนทะลักเข้ามาในไทย จึงเป็นเรื่องน่ากลัว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้จีนมีหน่วยงานที่ควบคุมการผลิตเหล็กให้ได้ตามความต้องการบริโภค และมีนโยบายออกมาว่าจะมีการให้ผู้ผลิตจีนมีร่วมทุนกัน เพื่อลดกำลังการผลิตลง หากรัฐบาลจีนทำสำเร็จ คือสามารถควบคุมได้จริง ก็จะไม่มีปัญหา แต่จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องทำได้ยาก ซึ่งรัฐบาลและผู้ประกอบการไทยต้องจับตามองสถานการณ์ในจีนอย่างใกล้ชิด

อีกทั้งในอุตสาหกรรมเหล็กของไทย ยังไม่ใช่อุตสาหกรรมครบวงจรเหมือนจีน แม้ว่าจีนจะต้องนำเข้าสินแร่บางส่วนจากออสเตรเลียเหมือนไทย แต่ก็ยังได้เปรียบไทย เพราะจีนมีอุตสาหกรรมต้นน้ำ มีการผลิตสินแร่เหล็ก และถ่านโคก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็ก ซึ่งไทยไม่มี

สิ่งทอไทยย้ายฐานผลิตไป "เขมร-เวียดนาม"

ด้านสิ่งทอ ปัจจุบันจีนได้ส่งออกอุตสาหกรรมสิ่งทอจำนวนมาก ซึ่งขายในราคาถูก เนื่องจากต้นทุนค่าแรงต่ำ ขณะนี้แม้ว่าจีนจะยังไม่มีฝีมือด้านสิ่งทอมากนัก แต่เชื่อว่าเมื่อทำการผลิตต่อไป ในอนาคตเมื่อจีนมีประสบการณ์มากแล้ว แรงงานจีนจะกลายเป็นแรงงานมีฝีมือ

"สิ่งทอจีนราคาถูกมาก เมื่อก่อนผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป จะมีการว่าจ้างผลิตสินค้าจำนวนมากแถวโบ๊เบ๊ แต่เดี๋ยวนี้เขาไปว่าจ้างคนจีนทางใต้ เพราะค่าแรงถูกกว่ามาก"

อีกทั้งจีนยังลงทุนทำอุตสาหกรรมสิ่งทอครบวงจร ตั้งแต่ผลิตเส้นใย ทำผ้าผืน จนตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในราคาต้นทุนต่ำ หากต่างประเทศอยากมาร่วมทุนก็ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงให้ ปัจจุบันทั้งญี่ปุ่น และฮ่องกง จึงมาลงทุนอุตสาหกรรมนี้ในจีนกันมาก ซึ่งทำให้สิ่งทอจีนมีความทันสมัย

"ทั้งสหรัฐอเมริกา และอียู มีการแบนสินค้าสิ่งทอจากจีน เพราะต้นทุนสู้จีนไม่ได้ แถมจีนยังเก่งเรื่องการก๊อปปี้ สินค้ามียี่ห้อ ต่อไปในอนาคตความเป็นแบรนด์คงจะหายไป อย่างเสื้อโคชคลุมฝน ไทยผลิตได้ในราคา 1000 บาท ว่าถูกแล้ว แต่ที่เซี่ยงไฮ้ผลิตได้แค่ 500 บาท ผู้ประกอบการสิ่งทอไทยก็รู้ ตอนนี้จึงเริ่มย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนาม และกัมพูชามากขึ้น เพื่อลดต้นทุนสินค้าให้ได้"

เฟอร์นิเจอร์ จีนมีการทำเฟอร์นิเจอร์ส่งออกเป็นสินค้าสำคัญสินค้าหนึ่ง ส่วนหนึ่งใช้วัตถุดิบ คือไม้ยางพาราจากไทย นอกจากไทยจะส่งออกวัตถุดิบแล้ว ไทยจึงน่าพัฒนาโดยการแปรรูปสินค้าส่งออกด้วย

ด้านเครื่องหนัง สำหรับจีนด้านเทคโนโลยีการผลิตหนังยังมีไม่มากนัก แต่จุดเด่นของจีนคือต้นทุนการผลิตต่ำ ขณะที่ไทยเองเทคโนโลยีด้านนี้ก็มีไม่เพียงพอ แถมต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ ปัญหาสำคัญคือเทคโนโลยีในโรงชำแหละของไทยห่วย จะแก้ปัญหาซื้อเครื่องมือทันสมัยมา ราคาเนื้อวัวในประเทศก็จะได้รับผลกระทบต้องขายแพง จึงแก้กันไม่ตกเสียที เมื่อจีนประสบปัญหาเหมือนเราแต่ขายได้ถูกกว่า ไทยก็พังพาบ

อีก 5 ปี แรงงานจีนฝีมือเจียระไนเทียบไทย

ส่วนอัญมณีและเครื่องประดับ ขณะนี้ไทยยังส่งออกไปจีนได้แต่ในอนาคตมีสัญญาณเตือนภัยมากแล้วว่า ขณะนี้จีนไม่มีแรงงานเจียระไนที่เก่งเท่าไทย แต่อีก 5 ปี ข้างหน้า แรงงานไร้ฝีมือเหล่านี้ จะเป็นแรงงานมีฝีมือ ซึ่งไม่เพียงแต่ด้านอัญมณี แต่ทุกสาขาการผลิตของจีน และจีนจะกลายเป็นคู่แข่งด้านอัญมณีที่สำคัญของไทย เพราะจุดเด่นเราคือแรงงานฝีมือการเจียระไน แต่ถ้าจีนพัฒนาขึ้นมาได้ ไทยก็จะไม่มีจุดเด่นในการนำสินค้าไปเจาะตลาดจีนได้อีก ฉะนั้นผู้ประกอบการไทยต้องพัฒนาการออกแบบให้มีดีไซน์ที่แตกต่าง และทันสมัยอยู่ตลอดการเจียระไน จากมีการเจียแบบเหลี่ยม ก็ต้องหารูปแบบการเจียแบบใหม่ขึ้นมา ต้องปรับตัวตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นสู้จีนไม่ได้

"ตอนนี้จีนมาเอาแหวนเอาสร้อยของไทยไปขาย เพราะคนที่มีรายได้มากขึ้นในจีนมีเพิ่มขึ้น แต่เมื่อมีการต้องการมาก ๆ จีนก็จะมีการผลิตภายในเอง จากไม่มีฝีมือก็จะมีฝีมือ ตรงนี้น่ากลัว"

อย่างไรก็ดี อยากเตือนว่าไม่เพียงแต่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 5 ประเภทนี้ที่ต้องเร่งปรับตัว แต่ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัว เพราะจีนจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต โดยไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต พัฒนาเทคโนโลยี ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ พัฒนาโลจิสติก และเน้นการทำการตลาดอย่างหนัก

จี้พาณิชย์ปราบบ.จีนซื้อวัตถุดิบส่งออกเอง

ที่สำคัญอยากให้หน่วยงานภาครัฐเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาคนจีนมาตั้งบริษัทในไทยและมาซื้อทรัพยากร หรือวัตถุดิบราคาถูกส่งออกไปจีนเอง แทนที่จะเป็นธุรกิจของคนไทย กระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งแก้ปัญหานี้ ก่อนที่ไทยจะเสียเปรียบจีนทุกประตู


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.