"หม่อมอุ๋ย" กั๊กขึ้นดบ.บัตรเครดิตอ้างรอดูต้นทุน-ห่วงหนี้ครัวเรือน


ผู้จัดการรายวัน(10 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"หม่อมอุ๋ย" ยังกั๊กอนุมัติให้ผู้ประกอบการบัตรเครดิตปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 18% เป็น 20% ระบุต้องพิจารณาต้นทุนของผู้ประกอบการก่อน แต่ยืนยันไม่ผ่อนผันลดวงเงินชำระขั้นต่ำเหลือ 5% ยอมรับเป็นห่วงเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ห่วงเรื่องหนี้สาธารณะ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตขอปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและเสนอขอปรับลดวงเงินการผ่อนส่งบัตรเครดิตรายเดือนว่า ทั้ง 2 เรื่องได้มอบหมายให้นายเกริก วณิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน กลับไปศึกษารายละเอียดแล้วกลับมารายงาน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลสรุปแต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่ว่าจะผ่อนผันให้ลดวงเงินการผ่อนส่งบัตรเครดิตรายเดือนจาก 10% เหลือ 5% คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ส่วนข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ก็ยังไม่ส่งมาให้เซ็นเลย ขณะเดียวกันการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 18% มาเป็น 20% นั้น ก็ยังไม่ได้รับข้อมูลเช่นกัน และไม่รู้ว่าต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ผู้ว่าคนนี้ก่อนจะเซ็นอะไรก็ต้องคิดก่อน

ด้านนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ เสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท. มีคำตอบอยู่แล้วในเรื่องดอกเบี้ยบัตรเครดิต และจะแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบอีกครั้ง หลายเรื่องที่ผู้ประกอบการขอมา ก็มีทั้งที่อนุมัติและไม่อนุมัติ ซึ่งยอมรับว่า ธปท.เป็นห่วงเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องหนี้สาธารณะ

อนึ่ง ก่อนหน้านี้นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะเสนอกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตเสนอให้ธปท.พิจารณาปรับขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 18% มาเป็น 20% รวมถึงการเสนอขอปรับลดวงเงินการผ่อนส่งบัตรเครดิตรายเดือนจาก 10% เหลือ 5% อีกทั้งประเด็นปลีกย่อยอื่นๆ ที่ขอมาทั้งหมดให้กระทรวงการคลังพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ โดยผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตนั้น นอกเหนือจากพ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์แล้ว ในส่วนที่เป็นผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินการเงิน จะต้องออกประกาศด้วย ปว.58 ซึ่งทั้ง 2 กฎหมายเป็นอำนาจของกระทรวงการคลัง เมื่อ ธปท.พิจารณาเรื่องเหล่านี้แล้ว และได้ความเห็นชัดเจน ก็จำเป็นต้องเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

“โดยความเห็นที่เสนอกระทรวงการคลังไปครั้งนี้ มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วยให้มีการปรับเปลี่ยนตามข้อเสนอของผู้ประกอบการบัตรเครดิต และเรื่องที่ไม่เห็นควรให้ปรับเปลี่ยน เพราะไม่ว่าจะเห็นควรหรือไม่เห็นควร ธปท.ต้องให้เหตุผลกระทรวงการคลังด้วยเพื่อให้คลังมีข้อมูลในการพิจารณาและให้ความเห็น ซึ่งการเสนอครั้งนี้ไม่ใช่การเสนอความเห็นให้คลังรับทราบ และดำเนินการออกประกาศ แต่เป็นการเสนอความเห็นเพื่อให้พิจารณา เพราะคลังเป็นผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ ธปท.เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้พิจารณาเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ได้รับข้อมูลนั้น ยอมรับว่าในภาวะปัจจุบันนั้น ทางผู้ประกอบการบัตรเครดิตมีต้นทุนในการประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องดูภาระที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนด้วย” นายเกริกกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ธปท.เพิ่มเติมว่า ข้อเสนอที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตขอมา และธปท.ได้จะเสนอกระทรวงการคลังในครั้ง ประกอบด้วย การขอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตจาก 18% เป็น 20% การไม่ยกเลิกบัตรเครดิต กรณีลูกค้าเก่าที่ไม่แจ้งยอมรายได้ปัจจุบัน แต่มีการผ่อนชำระต่อเนื่อง โดยไม่มีการติดหนี้ และการปรับลดวงเงินผ่อนรายเดือนจาก 10% เหลือ 5% ในกรณีของลูกค้ารายเก่าที่จะต้องปรับขึ้นเป็น 10% ในวันที่ 1 เม.ย.2550 ซึ่งกรณีการปรับลดวงเงินผ่อนขั้นต่ำนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธปท. ได้กล่าวก่อนหน้านี้แล้วว่า ธปท.ตัดสินใจว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการลดวงเงินการผ่อนชำระจาก 10% ลงให้เป็นไปตามกำหนดเดิม แต่ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น คาดว่า ทางธปท.ได้เสนอให้พิจารณาต้นทุนการดำเนินการของผู้ประกอบการอีกระยะก่อนที่จะพิจารณาเรื่องการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตอีกครั้ง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.