CMO รุกงานตปท.เพิ่มรายได้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกพุ่ง 370%


ผู้จัดการรายวัน(10 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ รุกงานต่างประเทศเต็มตัว หวังเพิ่มช่องทางหารายได้โตตามเป้าหมาย คาดรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้า พร้อมมั่นใจปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากมีงานต่อเนื่องตลอดปี ขณะที่ผลงานไตรมาส 2 ปีนี้โชว์กำไรทะยาน 370% พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 20 สตางค์ คาดสิ้นปีมีจ่ายอีก เนื่องจากผลงานช่วงครึ่งปีหลังยังโต

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO กล่าวว่าหลังจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของบริษัทที่พบว่าเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการจึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท จำนวน 150 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งมีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2549 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 สิงหาคม 2549

ขณะที่เมื่อปีที่ผ่านมานั้น บริษัทจ่ายปันผลงวดสิ้นปีงวดเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ในงวดสิ้นปี 49 มีแนวโน้มที่บริษัทจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อาจเท่ากับหรือสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องพิจารณาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดครึ่งปีหลังก่อน โดยปี 48 บริษัทจ่ายปันผลหุ้นละ 16 สตางค์ และเป็นการงวดปีเท่านั้น และครึ่งปีหลัง CMO จะรับรู้รายได้จากงาน ICT EXPO 50 ล้านบาท จังซีลอน งานราชพฤกษ์ และงานแก๊สเทค ที่ทำให้กับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยจัดที่สหรัฐอาหรับเอมิเรท อีกทั้งงานต่างประเทศอย่าง อังกอร์ เนชั่นแนล มิวเซียม ที่กัมพูชา จะรับรู้รายได้ไตรมาส 4 ปีนี้ และไตรมาสแรกปี 50

นายเสริมคุณกล่าวว่า งานที่กัมพูชานั้นเป็นแผนการรุกงานในต่างประเทศครั้งแรก โดยเฉพาะตลาดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาท่องเที่ยวและตลาด Meeting Intensive Convention and Exhibition หรือ MICE เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และเพิ่มฐานลูกค้า โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการรับงานโครงการอังกอ เนชั่นแนล มิวเซียม มูลค่า 60 ล้านบาท ที่ประเทศกัมพูชา โดยงานดังกล่าวถือเป็นโครงการแรกที่รุกไปทำยังต่างประเทศ

"เราเตรียมจัดตั้งทีมงานเพื่อดูแลด้านต่างประเทศโดยเฉพาะเพื่อให้เกิดการลงทุนการบริหารต้นทุนให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และคาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้า โครงการที่กัมพูชานี้ถือเป็นโปรเจ็กเริ่มต้นของการทำงานต่างประเทศโดยเราจะหันรุกงานเพิ่มทั้งในส่วนของที่เป็นแขนขาของอีเว้นท์อื่นซึ่งทำอยู่แล้ว รวมถึงการทำออกาไนเซอร์มืออาชีพ ให้กับท้องถิ่นประเทศนั้นๆ อย่างแท้จริง ซึ่งจากการสำรวจตลาดพบว่าคู่แข่งมีไม่มาก" นายเสริมคุณกล่าว

ทั้งนี้ การรุกงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนอุปกรณ์เพื่อเสริมสร้างให้เป็นธุรกิจครบวงจรซึ่งอาจต้องมีการเพิ่มทุนในอนาคต และย้ำว่าหากเพิ่มทุนก็ไม่ใช่เป้าหมายเพื่อเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะเป้าหมายหลักคือเพื่อใช้ลงทุนขยายงานในต่างประเทศเท่านั้น และโอกาสในการก่อหนี้ของบริษัทถือว่ายังสามารถทำได้ เนื่องจากปัจจุบัน CMO มีหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) อยู่ที่ 0.6 เท่าต่อ 1 เท่า

สำหรับผลประกอบการปี 50 CMO ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10% จากปีนี้ โดยปี 49 คาดว่าจะมีรายได้ 610 - 620 ล้านบาท การเติบโตของรายได้ที่สามารถคาดการณ์ได้นั้น เป็นผลจากมีการวางแผนการรับงานต่อเนื่องล่วงหน้าถึงสิ้นปี 50 ซึ่งแต่ละไตรมาสของปีดังกล่าวบริษัทมีงานต่อเนื่องตลอดทุกไตรมาส และการคาดการณ์นี้ยังไม่รวมงานที่อาจจะได้จากเม็ดเงินการส่งเสริมการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่อาจมีการใช้จ่ายงบประมาณออกมาด้วย

ปัจจุบัน CMO มีสัดส่วนการรับงานภาคเอกชน 70% และสัดส่วนงานภาครัฐ 30% และคาดว่าครึ่งปีหลังยังคงรักษาสัดส่วนการรับงานเท่าเดิมซึ่งแม้ภาวะเศรษฐกิจจะเริ่มชะลอตัวมีผลทำให้ธุรกิจภาคเอกชนลดงบประมาณในการจัดอีเว้นท์ลง แต่บริษัทฯ ก็รับมือด้วยการรับงานล่วงหน้าในระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่กรอสมาร์จิ้นของบริษัทอยู่ที่ 25% ขณะที่กรอสมาร์จิ้นรวม 38% และคาดกำไรสุทธิโตจากปีก่อน 15% โดยเฉพาะงบเดี่ยวบริษัทจะเพิ่มจาก 5-6% เป็น 7-8%

"ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะมีงานที่เซ็นสัญญาและเตรียมรับรู้รายได้ มูลค่า 200-300 ล้านบาท อาทิ งานศูนย์การค้าจังซีลอน ภูเก็ต งาน Bangkok International ICT Expo 2006 งานมหกรรมพืชสวนโลกราชพฤกษ์ 49 แต่การรับรู้รายได้ขึ้นอยู่กับการส่งมอบงานซึ่งมั่นใจว่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายได้" นายเสริมคุณกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 49 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 45.29 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 20.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.14 บาท ขณะที่งวด 6 เดือน กำไรสุทธิ 55.01 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.37 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน กำไรสุทธิ 11.71 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท หรือเพิ่มขึ้น 369.77%

เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 226.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 59% หรือ 83.95 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากบริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดงานที่มีมูลค่าสูงหลายๆ งาน บวกกับผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทย่อย อย่าง PM CENTER ที่ทำกำไรเข้าสู่บริษัทแม่ถึง 19 ล้านบาท จากการที่บริษัทย่อยดังกล่าวมีความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ประกอบการจัดงานแสดงต่างๆ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.