SALEEเทกฯเอสซี วาโด 75% ฝันโกยรายได้ปี 51 แตะพันล้าน


ผู้จัดการรายวัน(8 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

SALEE คาดโกยรายได้ปี 51 แตะ 1 พันล้านบาท หลังเข้าซื้อหุ้น เอสซี วาโด มาด้วยสัดส่วน 75% พร้อมออกหุ้นเพิ่มทุน 58 ล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และอีก 37 ล้านหุ้น เพื่อขายให้ประชาชนทั่วไป โดยเงินที่จะใช้ซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าวประมาณ 84 ล้านบาท หวังต่อยอดธุรกิจและเบนสู่การฉีดอลูมิเนียมอันเป็นธุรกิจต้นน้ำ พร้อมซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต มีแผนนำ เอสซี วาโด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า

นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่าจากที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 ซึ่งที่ประชุมบอร์ดได้มีมติให้บริษัทลงทุนในบริษัท เอสซี วาโด จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นใน บริษัท เอสซี วาโด จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนโลหะสำหรับยานยนต์ โดยเฉพาะ Hard Disk Drive (HDD) ซึ่งถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจดังกล่าวด้วย

โดย SALEE จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทดังกล่าวจำนวน 720,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 72 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ SALEE เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 75% และ SALEE จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน เอสซี วาโด ในราคาหุ้นละ 116.67 บาท คิดเป็นเงินรวม 84 ล้านบาท (ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท ณ 31 มี.ค. 2549 ที่ได้ปรับปรุงแล้ว ที่ราคาหุ้นละ 116.14 บาท)

สำหรับ บริษัท เอสซี วาโด จำกัด มีทุนชำระแล้วปัจจุบัน 240,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 24 ล้านบาท และมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือนางอัจชาวดี กลัดนุ่ม 66% นางซาโตมิ โซเดะ 24% และนายโกปาลัน อัล รามันกุ๊ดตี 10% และเพิ่มทุนเป็น 96 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 960 ล้านบาท ภายหลังจากที่ SALEE เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว

"การที่เขาเปิดทางให้เราเข้าถือมาก เพราะเราทำการตลาดและบริหารเก่ง บวกกับมีฐานลูกค้าที่ดี แต่ขาดความชำนาญในเรื่องการผลิต ที่สำคัญเรารู้จักกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงถือว่ามีคอนเน็กชั่นกันมาพอสมควร" นายสาทิสกล่าว

นายสาทิสกล่าวเพิ่มว่า SALLE จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 37,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชน ซึ่งจะกำหนดราคาภายหลัง และหุ้นเพิ่มทุนอีก 58 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท และมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้จัดการจัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือจากการจัดสรรดังกล่าว และบอร์ด SALEE ให้ลดทุนจดทะเบียนจากการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จากเดิม 149.50 ล้านบาท เป็น 145 ล้านบาท

"หุ้นที่จะขายให้กับประชาชนทั่วไป 37 ล้านหุ้นนั้น อยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องเพื่อขออนุมัติจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) คาดว่าน่าจะขายได้ปลายปีนี้ และคาดว่าจะคิดราคากระดานย้อนหลัง 90 วัน และให้ส่วนลดไม่เกิน 10% แต่ก็มีหลายวิธีต้องให้ที่ปรึกษาการเงินสรุปผลอีกครั้ง " นายสาทิสกล่าว

สำหรับการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อลงทุนที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ SALEE อย่างมาก เพราะ เอสซี วาโด จะช่วยต่อยอดธุรกิจทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เนื่องจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีอัตราการเติบโตที่ดี ขณะที่ผลการดำเนินที่ผ่านมาก็ขยายตัวอย่างโดดเด่น ซึ่งหลังจากเข้าลงทุนครั้งนี้เชื่อว่าทั้งสองบริษัท จะเสริมศักยภาพทางธุรกิจต่อกันได้

นายสาทิสกล่าวว่าหลังจากเพิ่มทุนแล้วจะให้ เอสซี วาโด ขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำคือการฉีดอลูมิเนียม ซึ่งจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทขาดแคลนวัตถุดิบและต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ และจะทดสอบความสามารถการผลิตได้ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดย เอสซี วาโด จะใช้เงินเพิ่มทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 6 ตัว ด้วยงบลงทุน 115 ล้านบาท

โดยการลงทุนใน เอสซี วาโด ครั้งนี้ SALLE จะรับรู้รายได้เข้ามาสู่บริษัทแม่ในปีนี้ประมาณ 10% หรือ 50-70 ล้านบาท และปีหน้าจะเข้ามาอีก 250 ล้านบาทหรือเติบโตปีละ 30% เช่นกันกับการเติบโต ขณะที่ตัวมาร์จิ้นของบริษัทนี้จากเดิมอยู่ที่ 5-10% จะเพิ่มเป็น 25% และ SALEE ยังมีแผนจะนำ เอสซี วาโด เข้าจดทะเบียนในตลาดลหลักทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

นายสาทิสกล่าวว่า ในปี 51 ตั้งเป้าโกยรายได้เกิน 1 พันล้านบาท หลังจากการมีบริษัทย่อยอย่าง เอสซี วาโด เข้ามาสร้างรายได้หนุนบริษัทแม่ เพราะบริษัทนี้จะเบนสู่ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะยานยนต์เพิ่มขึ้น อันจะทำให้รายได้จากส่วนนี้เพิ่มจากเดิม 10% เป็นอย่างละ 50% ได้ในปี 51 ขณะที่การเติบโตรายได้ของ SALEE ยังตั้งเป้าไว้ปีละ 30% ซึ่งปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำรายได้ที่ระดับ 500 ล้านบาทได้ โดย 65% มาจากธุรกิจขึ้นรูปพลาสติกและ 35% มาจาก สาลี่ พริ้นติ้ง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้หันมาทำการติดพลาสติกเป็นการเสริมรายได้เพิ่มอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในวันที่ 11 กันยายน 2549 เวลา 12.00 น. และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 25-29 กันยายน 2549 และมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้กำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าว ในวันที่ 21 สิงหาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจะแล้วเสร็จ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.