|
KBANK ยืดอกคงเป้าสินเชื่อปี49ไม่หวั่นศก.ขาลง-เร่งปล่อยกู้SME
ผู้จัดการรายวัน(7 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์กสิกรไทยประกาศคงเป้าสินเชื่อปี 49 ในระดับเดิม 6-9% ไม่หวั่นภาวะเศรษฐกิจยังไม่พ้นขาลง ระบุถือเป็นการท้าทายความสามารถที่จะต้องทำงานให้หนักขึ้น พร้อมเร่งกลยุทธ์บุกตลาดลูกค้าขนาดกลางที่ยังมีความต้องการสินเชื่ออยู่มาก และยังชูนโยบายการเติบโตเป็นกลุ่มในเครือกสิกรไทย
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยถึงการดำเนินงานของธนาคารในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า จากนี้ไปการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะมีความลำบากมากขึ้น หลังประสบกับภาวะของราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากต้นปีที่ผ่านมา โดยในครึ่งปีหลังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)จะอยู่ที่ระดับ 4% แต่ถ้าไม่เลวร้ายมากก็จะโตได้ถึง 4.5%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับปี 2548 มีแนวโน้มชะลอลง ตามตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงาน ส่วนแรงกดดันอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธปท.มองว่าผ่อนคลายไปมากน่าจะคงไว้ที่ระดับสูงสุด 5.00% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ชั้นดี( MLR) ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ไม่น่าปรับเกิน 8.00 % ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่กระทบต่อการปล่อยสินเชื่อ ด้านภาคการลงทุนภาคเอกชนจะมีอัตราการขยายตัวชะลงจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 5% ส่วนการลงทุนภาครัฐบาลยังอยู่ในระดับที่ต่ำประมาณ 1% ขณะที่ภาคการส่งออกยังสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้
“ต้องยอมรับว่าการลงทุนปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ภาคการส่งออกยังขยายตัวได้ค่อนข้างดีจากเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวดีโดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจประเทศจีนยังขยายตัวได้ค่อนข้างร้อนแรง เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวหลังจากซบเซามา10 กว่าปี เศรษฐกิจยุโรปก็กระเตื้องขึ้น ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ยังเป็นหัวเลี้ยวหัวต่ออยู่ ส่วนเรื่องอุปโภคบริโภคภายในประเทศก็จะถูกกระทบจากเรื่องราคาน้ำมันที่ค่อนข้างสูงทำให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ส่วนการลงทุนแม้การใช้กำลังการผลิตไปถึง 70% ก็น่าจะเป็นจุดให้เกิดการลงทุนแต่ช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามันมีความไม่แน่นอนทางบรรยากาศทางการเมืองเข้ามาก็อาจทำให้การลงทุนภาคเอกชนก็ชะลอตัว5%”
ด้านการอุปโภคบริโภคในประเทศยังได้รับแรงกดดันจากผลกระทบของราคาน้ำมัน อีกทั้งปัญหาการเมืองส่งผลให้การลงทุนเอกชนชะลอตัวกว่า 5 % นอกจากนี้ หากการเมืองยังไม่ลงตัวอาจส่งผลให้การลงทุนภาครัฐปี 2550 ติดลบ เพราะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ก็ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากไม่สามารถเบิกงบลงทุนได้
ย้ำคงเป้าสินเชื่อโต 6-9%
ส่วนของธนาคารการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังจากนี้ไปต้องทำงานอย่างหนัก เนื่องจากธนาคารยังคงเป้าเติบโตสินเชื่อทั้งปีในอัตรา 6-9% โดยธนาคารจะมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการทำให้ถึงเป้าโดยใช้ฐานลูกค้าของธนาคารที่มีฐานลูกค้ากว้างและมีการทำกิจกรรมที่หลากหลาย พร้อมทั้งจะเน้นการขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีความต้องการสินเชื่อสูง เนื่องจากการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ยังไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ ทำให้ธนาคารหันมาให้น้ำหนักการปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้มากขึ้น และธุรกิจ SME ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมายังเติบโตกว่า 10% ส่วนการขยายสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ธนาคารจะเน้นไปที่รายได้จากค่าธรรมเนียมมากกว่าการให้บริการทางการเงิน เพื่อที่จะบริหารความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด
"ยอมรับว่าเป้าที่ตั้ง ถือว่าทำได้ยาก เรายังไม่ปรับเป้า แม้ครึ่งปีแรกเราโตเพียง 1 % กว่าๆ แต่ต้องพยายามทำให้ได้ ครึ่งปีหลังต้องโตอย่างน้อย 6% แม้ว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะชะลอ แต่ตามแนวโน้มสินเชื่อจะมีการเบิกจ่ายในไตรมาสที่ 3 และ 4 มาก "
ชูนโยบายโตเป็นเครือ
นายประสาร กล่าวต่อว่า สำหรับการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ในปีหน้าจะยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยในส่วนของธนาคารกสิกรไทยเริ่มมีการปรับแผนการดำเนินงาน ซึ่งธนาคารจะยังมุ่งเน้นทิศทางการให้บริการที่ครบวงจรและดำเนินธุรกิจไปกลุ่มไปเป็นเครือต่อเนื่องต่อไป พร้อมเสริมช่องทางการขายเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าด้วยต้นทุนที่ไม่สูงจนเกินไป โดยจะมีการเปลี่ยนระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถที่จะมีนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ต่างๆให้มากขึ้น
“ปีนี้เราก็ริเริ่มหลายอย่าง เช่น แบรนด์เราก็ไปเป็นเครือ เรื่องของการจัดแบ่งลูกค้าเป็นกลุ่ม การจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ การให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้ามีความต้องการอย่างไรจะเสนอบริการให้เขาเพื่อเป็นโยชน์ต่อลูกค้าได้อย่างไร จะทำอย่างต่อเนื่องในปีหน้า”
ส่วนการดำเนินงานของบริษัทในเครือ KBANK ที่ผ่านมายังสามารถขยายตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งคาดว่าจะการดำเนินงานของแต่ละบริษัทจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ โดยในส่วนของบริษัทแฟคเตอริ่งกสิกรไทยและบริษัทเคแอดเซทก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งของการดำเนินธุรกิจในเครือบริษัทของธนาคารกสิกรไทย ขณะที่บริษัทเคลิสซิ่งซึ่งเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เปิดดำเนินธุรกิจมาเพียง 1 ปีนั้นเชื่อว่าจะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 10,000 ล้านบาท แต่อาจจะมีเพียงหลักทรัพย์กสิกรไทยที่ยังเติบโตช้า เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นในปีนี้ไม่คึกคัก ทำให้งานในด้านนายหน้าค้าหลักทรัพย์และด้านวาณิชธนกิจซบเซา ตามปัจจัยลบที่รุมเร้าประเทศไทยในปีนี้
“ธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์กสิกรอาจจะยังไม่สูงมากนัก เพราะภาวะตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ค่อยคึกคัก เราต้องทำใจในแง่ปริมาณธุรกิจอาจจะไม่สูง แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ปีแรกจะเป็นการสร้างทีมงาน ระบบงานเข้าไปเริ่มทำธุรกิจในวงการ ในปีต่อๆไป ขณะที่การดำเนินธุรกิจของบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยเป็นเรื่องที่ไม่ได้หวังผลกำไรแต่เขาก็พยายามผลิตงานมาเผยแพร่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นระยะๆ”
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|