|
STARยันเป้าปีนี้ขยายตัวกว่า 20%เมินปัจจัยการเมือง-เน้นรุกงานระดับพรีเมียม
ผู้จัดการรายวัน(7 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
สตาร์ ซานิทารีแวร์ ยังคงเป้าการเติบโตปีนี้ 20% ชี้ปัญหาการเมืองไม่กระทบการดำเนินงาน เพราะส่วนใหญ่ส่งออก และเน้นงานระดับบนเป็นหลัก จากก่อนหน้าเน้นตลาดกลางและบน เผยผลงานไตรมาส 2 ยังคงเติบโตได้ตามคาด
นายสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด(มหาชน) (STAR) เปิดเผยว่าแนวน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 จะออกมาดีต่อเนื่อง แม้ว่าโดยปกติของการดำเนินงานที่พบว่าครึ่งปีแรกจะไม่โดดเด่นเหมือนกับครึ่งปีหลังก็ตาม
แม้ว่าปัญหาการเมืองในประเทศที่คลุมเครือและยืดเยื้อมานาน จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของหลาย ๆ บริษัท แต่ในส่วนของ STAR ก็ได้รับผลกระทบแต่ไม่มาก เพราะตลาดสำคัญของบริษัทคือตลาดในต่างประเทศ
โดยฉพาะผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ที่มั่นใจว่าจะเติบโตเหมือนทุกปี หลังจากที่บริษัทหันไปเน้นการผลิตสินค้า HI-END มากขึ้นจากก่อนหน้าที่เน้นทั้งสินค้าระดับกลางและบนควบคู่กัน หลังจากนี้จะหันไปเน้นสินค้าที่ระดับบนและเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (VALLUE ADDED ) ซึ่งเป็นการปรับแผนการดำเนินงาน เพื่อรองรับภาวะที่ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เพราะสินค้ามูลค่าเพิ่ม จะทำให้ส่วนต่างระหว่างรายได้และต้นทุนการดำเนินงานไม่ต่างกันมาก
นายสมชัยกล่าวว่าออร์เดอร์สินค้าตัวเก่าจะค่อย ๆ หมดไป ขณะที่ออร์เดอร์สินค้าใหม่ก็จะมีเข้ามาเรื่อย ๆ จนทดแทนของเดิม หลังจากนั้นสินค้ามูลค่าเพิ่มก็จะพัฒนาด้วยการออกสินค้าตัวใหม่เรื่อย ๆ ด้วย ซึ่งบริษัทปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดใส่เงิน 20 ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัย
สำหรับการปรับแผนการผลิตของ STAR เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 48 ด้วยการเน้นทำวิจัยและพัฒนาออกแบบสินค้าเพื่อให้เห็นผลในปีนี้ โดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัญหาการเมืองที่อึมครึมต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มดำเนินการได้ในกลางปีนี้ ซึ่งบริษัทเริ่มผลิตเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้
จากก่อนหน้าที่การขายสินค้าของบริษัทถูกล็อกด้วยราคา แต่หลังจากที่พัฒนาให้เป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่า ทำให้ราคาขายสินค้าปรับเปลี่ยนไปตามมูลค่าการผลิต ประกอบกับที่บริษัทเน้นการส่งออกเป็นหลัก ดังนั้นผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศจึงไม่ได้รับมากเหมือนกับบริษัทอื่น
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ STAR มีแผนที่จะลุยงานสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ครบวงจร ด้วยการให้ผู้ผลิตสินค้าในหลาย ๆ อย่าง แล้วใช้แบรนด์ของบริษัท เพื่อขายให้กับลูกค้า เป็นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ขณะเดียวกันบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าทุกชนิด แต่เน้นการซื้อมาแล้วขายให้ตามออร์เดอร์ลูกค้าที่สั่งเข้ามา
“เราจะจ้างคนอื่นผลิตให้สำหรับสินค้าที่ไม่ใช่เซรามิก ขณะที่เซรามิกเราจะผลิต เพื่อที่เราจะควบคุมการผลิตได้และเป็นสินค้าเกรดดี และเป็นสิ่งที่ถนัด ส่วน นอนเซรามิก เราต้องอาศัยคนอื่นผลิตให้ จุดนี้เราจะซื้อมาขายไป แต่เราก็ต้องควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานของเรา เพื่อลดความเสี่ยงที่เราไม่ต้องขายเซรามิกอย่างเดียว ” นายสมชัยกล่าว
สำหรับแผนงานที่ปรับใหม่นั้น จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และ 4 ที่เหลือก็น่าจะเป็นไปได้ตามเป้า ดังนั้น ปีนี้ STAR จึงยังคงเป้าการเติบโตของบริษัทไว้ที่ระดับ 20% จากปีก่อน ประกอบกับตลาดในประเทศนั้น บริษัทได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้กับบริษัทด้วย
นอกจากนี้ STAR ยังมีแผนที่จะลดตัวเลขอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ของบริษัท จากปัจจุบันที่มีอยู่ 0.8 ต่อ 1 เท่า ให้ลดลงอยู่ในระดับ 0.5-0.6 ต่อ 1 เท่า เพราะไม่ต้องการให้ตัวเลขหนี้สินมีเกินจำเป็น คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าใน 2-3 ปีนี้
“ค่าเงินไม่ได้มีนัยต่อเรามาก เพราะเราต้องพัฒนาสินค้าของเราให้เพิ่มมูลค่าต่อไปเรื่อย ๆ ของเก่าก็จะหมดไป ลูกค้าเราจะสั่งของใหม่มา แต่ของเก่าก็จะหมดลง เป็นธรรมดาของการผลิตสินค้าและการซื้อขาย ” นายสมชัยกล่าว
โดยลูกค้าของ STAR เป็นลูกค้าเดิมที่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันและติดต่อซื้อขายกันมานาน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่ในญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งตลาดเหล่านี้ต้องการใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำมีมากขึ้น และแต่ละตลาดก็ต้องการสินค้าที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้บริษัทต้องพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ ๆ ตลอดเวลา
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|