|
ปูนฯแก้เกมตลาดก่อสร้างซบปรับพอร์ตดันยอดขายส่งออก
ผู้จัดการรายสัปดาห์(7 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ปูนใหญ่ฯ ชี้ตลาดวัสดุก่อสร้างครึ่งปีแรกหดตัว เหตุธุรกิจอสังหาฯ ชะลอ ราคาน้ำมันผันผวน กระทบต้นทุน หวังรายได้จากการส่งออกประคองผลกำไร
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจวัสดุก่อสร้างต้องพึ่งพากับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก ในฐานะที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตที่สำคัญ และยิ่งในภาวะปัจจุบันที่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัว ทำให้การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตาม ยิ่งจะเป็นบททดสอบของธุรกิจวัสดุก่อสร้างว่าจะสามารถฝ่าวิกฤติที่หนักหน่วงครั้งนี้ไปได้หรือไม่
ปูนซีเมนต์ไทยฯ ยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 ของวงการวัสดุก่อสร้างเมืองไทยก็ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน เห็นได้จากในไตรมาสของปี 2549 ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างของเครือมียอดขายที่ลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ทั้งนี้เป็นผลมาจากดีมานด์ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลง
จากภาวะดังกล่าว กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า การที่ดีมานด์ลดลง เป็นผลมาจากภาวะดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตามไปด้วย ซึ่งปีนี้ตลาดซีเมนต์หดตัว 3% และคาดว่าในอนาคตมีแนวโน้มจะหดตัวมากกว่านี้
สำหรับยอดขายของธุรกิจซีเมนต์ในไตรมาส 2 มียอดขายรวม 10,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5% เป็นผลมาจากราคาส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรลดลง เนื่องจากมีต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และตลาดก่อสร้างในประเทศลดลง
จะเห็นได้ว่าแม้ยอดขายของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มดังกล่าวมาจากการปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาถึง 15% โดยเดิมคาดว่าตลาดในประเทศทั้งปีนี้จะมียอดขาย 11 ล้านตัน มีการเติบโตของกำไร 0-3%
ในเมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จะมีผลต่อการพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ กานต์ กล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด แต่ยอมรับว่าหากดีมานด์ยังน้อยอยู่ ก็ไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ โดยขณะนี้ทางสมาคมผู้ผลิตซีเมนต์กำลังยื่นหนังสือต่อกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอปรับขึ้นราคาเพดานใหม่ ซึ่งหากไม่ได้รับการอนุมัติให้ขึ้นราคา”
จากภาวะดังกล่าวทำให้ ปูนซีเมนต์ไทยฯ มองว่าเมื่อตลาดในประเทศหดตัว ก็ถึงเวลาที่จะต้องพึ่งพาตลาดส่งออกไปต่างประเทศมาเป็นหนทางในการรักษารายได้และผลกำไรของบริษัทฯ ให้เป็นไปได้ตามเป้า ซึ่งตลาดส่งออกก็เป็นสิ่งที่บริษัทฯ ทำมานานแล้ว และราคาขายซีเมนต์ในและต่างประเทศมีความแตกต่างกันมาก โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราคา 42-43 เหรียญ ถือว่าต่ำที่สุดใน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีราคาขายประมาณ 50 เหรียญ
ซึ่ง กานต์ กล่าวว่า “เราเห็นสัญญาณการหดตัวของตลาดซีเมนต์มาตั้งแต่เดือน มี.ค. แล้ว จึงพยายามเร่งรัดการส่งออกให้มากขึ้น เร่งเอายอดการส่งออกเดือน เม.ย. มาไว้ในในเดือน มี.ค. ตั้งเป้าการส่งออกในปีนี้ 6-7 ล้านตัน”
แต่ทั้งนี้สิ่งที่ กานต์ ยังคงเป็นห่วง คือ ค่าเงินบาทที่แข็งในขณะนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก
ทั้งนี้โดยรวมของผลประกอบการไตรมาส 2 ของปูนซีเมนต์ไทยฯ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์มากที่สุด ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น มีสัดส่วนถึง 50% ในขณะที่ 20% เป็นธุรกิจซีเมนต์ และ 8% เป็นธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยขณะนี้มีการขยายการลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีที่ประเทศอิหร่าน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานในระยะแรก จะสามารถเปิดดำเนินงานได้ประมาณปี 2552 และที่ประเทศกัมพูชา จะเปิดดำเนินงานในปี 2551
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|