'ใบโพธิ์' ลั่นลุยศึกชิงเงินฝากต่ออ้าง 'สำรองปล่อยกู้-ลงทุนเพิ่ม'


ผู้จัดการรายวัน(4 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“ไทยพาณิชย์” ลั่นได้เวลาดึงเงินฝากกลับสู่ระบบ ขึ้นดอกเบี้ยสกัดตลาดทุนหลังพบดึงเงินออมออกจากระบบไป 3-4 ล้านบาท ระบุชิงขึ้นดอกเบี้ยก่อนเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อและการลงทุนของธนาคารในรูปแบบต่างๆ พร้อมปรับส่วนเน้นบัญชีเงินฝากประจำเพิ่มขึ้น ด้านกรุงไทย-กรุงศรีฯปรับขึ้นดอกกู้ฝาก 0.25-0.50%

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่ผ่านมาว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกรณีที่ตลาดเงินตลาดทุนในช่วงที่ผ่านมาได้มีการดึงเงินออมจากธนาคาร เช่น กองทุนต่างๆ โดยพบว่าในปี 2548 ได้ดึงเงินออกประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์จึงถือเป็นดึงการเอาเงินฝากกลับคืน

“เงินฝากถูกโยกไปเงินกองทุน ซึ่งที่จริงมันก็เป็นประสบการณ์เมื่อปีที่แล้ว แล้วก็ค่อยๆ ทวีคูณขึ้น และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์เป็นการปรับตัวระหว่างสถาบันต่างๆ และสถาบันในธุรกิจเดียวกัน”

ทั้งนี้การที่ธนาคารเป็นผู้นำในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นนั้นเพื่อเป็นการเตรียมสภาพคล่องในการรองรับการขยายตัวของสินเชื่อและรองรับการลงทุนของธนาคารในรูปแบบต่างๆ ทำให้ธนาคารต้องระดมเงินโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนธนาคารอื่น ขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารที่มีการปรับให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยปรับเงินฝากในอัตรา 0.50% ขณะที่อัตราเงินกู้ปรับเพียง 0.25% เนื่องจากไม่อยากให้มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจจึงค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ผ่านมาจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่นั้น ในส่วนตัวยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากปัจจุบันดอกเบี้ยกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นกับการปรับตัวของธนาคาร ขึ้นกับสภาพคล่องและนโยบายของธนาคารแต่ละแห่ง

“การปรับอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่นั้น คงไม่สามารถยืนยันได้ ซึ่งการปรับหรือไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยคงต้องเป็นแนวนโยบายของแต่ละแบงก์มากกว่า”

คุณหญิงชฎา กล่าวต่อว่าในส่วนของอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ยังไม่มีการปรับเนื่องจากสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ยังมีอยู่มาก โดยธนาคารทั้งระบบมีประมาณ 40% ขณะที่ธนาคารอยากเห็นสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์ลดลงและเงินฝากประจำเพิ่มขึ้น เพราะหากสัดส่วนเงินฝากประจำเพิ่มขึ้นจะทำให้การบริหารต้นทุนของธนาคารทำได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฝากออมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“ในสิ้นปีสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์น่าจะมีแนวโน้มลดลงอยู่ที่ระดับ 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีบัญชีเงินฝากประจำเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินฝากออมทรัพย์ลดลง ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้อาจจะยังไม่เห็นตัวเลขดังกล่าว แต่ก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตามในครึ่งหลังของปีเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังจะขยับขึ้นอีก แม้ว่าสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จะยังมีอยู่มาก เนื่องจากผู้ประการในอุตสาหกรรมธนาคารยังคงมีการแข่งขันกันอยู่ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้ยังแตกต่างกัน ขณะที่ธนาคารยังต้องแข่งขันกับธุรกิจอื่นด้วย เช่น ตลาดตราสารหนี้ กองทุนรวม ส่วนแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันเชื่อว่าน่าจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติแล้วแม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นบ้างแต่จะไม่สูงเท่ากับในอดีต

“ต้องยอมรับว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำผิดปกติ ซึ่งการปรับขึ้นในปัจจุบันเป็นการปรับเพิ่มเพื่อเข้าสู่ภาวะปกติเท่านั้น”

กรุงไทย-กรุงศรีฯขยับดบ.กู้-ฝาก

ด้านนายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25-0.50% และเงินกู้ปรับขึ้นอีก 0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2549 โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ วงเงิน 20 แต่ไม่ถึง 30 ล้านบาท เป็น 2.50% วงเงิน 30 แต่ไม่ถึง 50 ล้านบาท เป็น 3.00% วงเงิน 50 แต่ไม่ถึง 100 ล้านบาทเป็น 3.50% วงเงิน 100 แต่ไม่ถึง 500 ล้านบาท เป็น 3.75% และวงเงิน 500 ล้านบาทขึ้นไป เป็น 4.25%

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน วงเงินน้อยกว่า 1 ล้านบาท ปรับลงเป็น 3.50% วงเงิน 1 แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท เป็น 4.25% วงเงิน 10 แต่ไม่ถึง 20 ล้านบาท วงเงิน 20 แต่ไม่ถึง 50 ล้านบาท วงเงิน 50 แต่ไม่ถึง 100 ล้านบาท เป็น 4.50% และวงเงิน 100 ล้านบาทขึ้นไปเป็น 4.75%

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน วงเงินน้อยกว่า 1 ล้านบาท เป็น 3.75% วงเงิน 1 แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท เป็น 4.50% วงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป 4.75%

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน วงเงินตั้งแต่ 1 แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท เป็น 4.75% และวงเงิน 10 ล้านบาทขึ้นไป เป็น 5.00% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 15 เดือน วงเงิน 1 แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท เป็น 4.75% วงเงิน 10 ล้านบาทขึ้นไปเป็น 5.00%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับขึ้น 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์เป็น 8.00% อัตราดอกเบี้ยเอ็มโออาร์เป็น 8.50% และอัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ 8.50%

กรุงไทยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้อย่างละ 0.25 %

รายงานข่าวจากฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่าธนาคารได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้ขึ้นอีก 0.25% ส่งผลให้เงินฝากประจำ 3 เดือน วงเงินน้อยกว่า 1 ล้านบาท ปรับเป็น 3.50% วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ปรับเป็น 4.00% วงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ปรับเป็น 4.25% เงินฝากประจำ 6 เดือน วงเงินน้อยกว่า 1 ล้านบาท ปรับเป็น 3.75% วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ปรับเป็น 4.25% วงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ปรับเป็น 4.50% เงินฝากประจำ 12 เดือน วงเงินน้อยกว่า 1 ล้านบาท จ่ายอัตราดอกเบี้ย 4.00% เท่าเดิม วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ปรับเป็น 4.75% วงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ปรับเป็น 5.00%

สำหรับเงินฝากประจำ 24 เดือน และเงินฝากประจำ 36 เดือน จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 4.75% ต่อปี เงินฝากกรุงไทยปลอดภาษี ผู้ฝากต้องฝากเท่ากันทุกเดือนเป็นระยะเวลา 24 เดือน อัตราผลตอบแทนอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวก 1% ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 5.00% ต่อปีเท่าเดิม ส่วนเงินฝากกรุงไทยทวีคูณ ผู้ฝากต้องฝากเท่ากันทุกเดือนเป็นระยะเวลา 24 เดือน อัตราผลตอบแทนอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงสุด 12 เดือน บวก 1% ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 6.00% ต่อปี เงินฝากกรุงไทยสมนาคุณ 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 4.50% ต่อปี เงินฝากกรุงไทยสมนาคุณ 6 เดือน จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 4.75% ต่อปี

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับขึ้น 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มแอลอาร์ ปรับเป็น 7.75% เอ็มโออาร์ ปรับเป็น 8.00% และ เอ็มอาอาร์ ปรับเป็น 8.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.