ไออีซีถือหุ้นบลิสเทล 24%


ผู้จัดการรายวัน(4 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัทวานนี้ (3 ส.ค.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติให้บริษัทเข้าไปซื้อหุ้น บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 ราย รวมเป็นจำนวนหุ้น 56 ล้านหุ้น โดยซื้อในราคาหุ้นละ 4.50 บาท รวมมูลค่า 252 ล้านบาท

สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 รายประกอบด้วย NETWORK MANAGEMENT SOLUTIONS PTE. LTD. จำนวน 35 ล้านหุ้น, นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ จำนวน 8.3 ล้านหุ้น, นางสาวประกายดาว เขมะจันตรี จำนวน 5 ล้านหุ้น และนางสาวจงกลณี เขมะจันตรี จำนวน 7.7 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการทำรายการในกระดานซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ส่งผลให้บริษัทไออีซี ถือหุ้นถือหุ้นใหญ่ของบริษัทบลิส-เทลเป็นจำนวน 24.35% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มี 230 ล้านหุ้น โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทบลิส-เทล ในสัดส่วน 40% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ถือหุ้นใหญ่

สำหรับในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ทางบริษัทไออีซีและบริษัทบลิส-เทล จะร่วมแถลงข่าวการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ และทิศทางการดำเนินงานต่อไป โดยยืนยันว่าหลังจาการซื้อขายหุ้น ผู้บริหารของบลิสเทลยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป

สำหรับการที่ผู้บริหารบริษัทบลิส-เทลยอมขายหุ้นให้กับไออีซี ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท ทั้งที่ทางบล.ซีมิโก้ได้มีการประเมินราคาหุ้นที่ 5.90 บาทต่อหุ้นนั้น เชื่อว่าการขายหุ้นดังกล่าวเป็นความพอใจของผู้ถือหุ้น ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในราคาดังกล่าว และคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทในอนาคต ที่จะทำให้ทั้ง 2 บริษัท มีต้นทุนที่ลดลง เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องมีการแข่งขันกัน

นายสุมิท กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการยังได้อนุมัติให้บริษัทจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 21 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1-2% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทไออีซี ให้กับผู้ถือหุ้นไทย 3 ราย ของบริษัทบลิส-เทล ที่มีการขายหุ้นให้กับบริษัท คือนายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ นางสาวประกายดาว เขมะจันตรี และ นางสาวจงกลณี เขมะจันตรี ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท

“เรายืนยันว่ากระแสข่าวที่มีการออกมาในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นความจริงโดยธุรกิจหลักของบริษัทก็เป็นธุรกิจสื่อสารแต่ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผย” นายสุมิท กล่าวว่า

ดัชนีตลาดหุ้นทะลุ700จุด

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 ส.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันจากนักลงทุนมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน เหตุราคาน้ำมันมีการปรับตัวในระดับสูง เก็งกำไรผลประกอบการ ดันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 700 จุด โดยปิดตลาดที่ 703.10 จุดเพิ่มขึ้น 9.01 จุดหรือเพิ่มขึ้น 1.30% ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 705.50 จุด ปรับตัวต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 696.43 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,956.22 ล้านบาท

การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 2,212.27 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 856.98 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,069.25 ล้านบาท

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย จากการที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็จะส่งผลดีกับตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเซีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่จะมีเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามา

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อหุ้นพลังงาน ดังนั้นนักลงทุนจึงมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นดังกล่าว นอกจากนี้ก็มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มสื่อสารเช่นกัน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 ส.ค.) จะต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งหากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมองแนวรับที่ระดับ 700 จุด แนวต้านที่ระดับ 710 จุด

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันจากนักลงทุนได้เข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูงที่ 75-76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากความกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง และจากการคาดการณ์พายุที่จะพัดผ่านในอ่าวแม็กซิโก รวมถึงนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการที่ได้ทยอยประกาศออกมา

นอกจากนี้ นักลงทุนได้มีการซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร จากที่คาดการณ์ว่าเฟดจะมีการยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารจะเป็นนักลงทุนต่างประเทศ จึงทำให้ปริมาณซื้อขายวันนี้มีความคึกคัก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ และหากตลาดหุ้นต่างประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยมองแนวรับที่ระดับ 696 จุด แนวต้านที่ระดับ 710 จุด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.