|
"ฟาร์อีสท์" รับรายได้ลงทุนหายหลังยุบโฮลดิ้งปรับแผนเข้าSET
ผู้จัดการรายวัน(1 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บิ๊กบล.ฟาร์อีสท์รับรายได้จากการลงทุนหาย หลังจากยุบฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ คอร์ปอเรชั่น เหตุปรับแผนการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ดันบล.เข้าแทน พร้อมหาแนวทางกระจายรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่บล.นครหลวงไทยเผยปล่อยมาร์จิ้นโลนให้กับลูกค้าแล้ว 100 ล้านบาท เชื่อมั่นปลายปีสามารถปล่อยได้ตามเป้าหมาย 200 ล้านบาท
นายชัยพันธ์ พงศ์ธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการยุบบริษัทฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะบริษัทฟาร์อีส แอสเซทส์ คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ คอมปานี ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต.ยังไม่ได้ออกเกณฑ์โฮลดิ้งส์ ดังนั้นผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดความยุ่งยาก จึงได้ปรับแผนให้บล.ฟาร์อีสท์เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน
ทั้งนี้จากการยุบบริษัทฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ฯ ยอมรับว่าอาจจะทำให้รายได้จากการลงทุนของบริษัทได้หายไป ดังนั้นบล.ฟาร์อีสท์ก็จะเหลือรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจวาณิชธนกิจเป็นหลัก ซึ่งต่อไปบล.ฟาร์อีสท์ก็จะพยายามหารายได้จากส่วนๆเข้ามาเพิ่มขึ้น
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังจากที่บริษัทฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ฯ ยุบไปแล้ว จากเดิมที่บริษัทฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 99.99% ก็จะเปลี่ยนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ฯ ที่เป็นรายบุคคลแทนขณะที่หุ้นที่บริษัทฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ฯ เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ซึ่งประกอบด้วย หุ้นบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออกหรือ EPCO และหุ้นบริษัทไทยเอนจิน เมนูแฟ็คเจอริ่งหรือ TEM ก็จะโอนกลับไปให้กับผู้ถือหุ้นที่เป็นรายบุคคล
นายสาธิต วรรณศิลปิน รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้บริษัทจะมีการเสนอแผนงานใหม่กับคณะกรรมการบริษัทโดยเฉพาะธนาคารนครหลวงไทยซึ่งเป็นบริษัทแม่เนื่องจากต้องการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภาวะโดยรวมที่เกิดขึ้นเพราะในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นซบเซาส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายลดลงและทำให้รายได้หลักที่มาจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง รวมทั้งจะหารือเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงานในเชิงรุกมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้ามาใช้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) ที่เปิดในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งบริษัทได้ปล่อยกู้มาร์จิ้นโลนไปแล้ว 100 ล้านบาท ซึ่งรองรับรายได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นซบเซาที่ผ่านมาได้ และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถปล่อยมาร์จิ้นโลนได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 200 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมีกระแสเงินสดจำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการทำธุรกรรมอื่นๆ เพิ่มได้
นอกจากนี้ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นซบเซาบริษัทได้หันไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้นซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกับบริษัท อีกทั้งยังเป็นการบริหารพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นไม่ดี
"ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นซบเซาเราพยายามหาวิธีการลงทุนในรูปแบบใหม่เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและเราก็ไม่อยากที่จะพึ่งพารายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว" นายสาธิตกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|