ไทยพาณิชย์เล็งโละหนี้เน่าขายบสก.ยอมรับตลาดทุนผันผวนดันNPLพุ่ง


ผู้จัดการรายวัน(31 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ใบโพธิ์เตรียมโละหนี้เน่าให้ บสก. บริหารหวั่นหนี้เสียไหลย้อนกลับ ยอมรับความผันผวนของตลาดทุนเป็นปัจจัยหลักให้ NPL พุ่ง เชื่อหลังการเมืองมีความชัดเจนนักลงทุนกลับมามั่นใจลงทุนในประเทศอีกครั้ง

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) SCB เปิดเผยถึงแผนการลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเจรจาขายหนี้ดังกล่าวให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ บสก. โดยเป็นการขายทั้งหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ธนาคารสามารถลด NPL ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

"ยอมรับว่าหนี้ดังกล่าวได้ปรับตัวสูงขึ้นจากเดิม แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นที่ไม่มากนักจนเป็นปัญหา โดยหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมีประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ในส่วนของการจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้นหรือที่มีอยู่นั้น ธนาคารคิดว่าสามารถจัดการได้ และจะพยายามให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" คุณหญิงชฎากล่าว

สำหรับการขายหนี้ให้กับ บสก.ในครั้งนี้จะแบ่งขายออกไปเป็นล็อตใหญ่ๆ ซึ่งธนาคารจะเป็นคนจัดให้ โดยขึ้นอยู่กับสภาพผู้ซื้อว่ามีความต้องการรับซื้อได้ในราคาประมาณเท่าไร ขณะที่ในส่วนของ บสก. ที่จะเข้ามารับซื้อหนี้ของธนาคารนั้น ขณะนี้ได้มีการเจรจาและเข้ามาดูทรัพย์สินทั้งที่เป็น NPL และ NPA เพื่อที่จะรับซื้อไปบริหารต่อไป ส่วนเงื่อนไขในการรับซื้อ NPL และ NPA เชื่อว่าจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน

"การจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้นของธนาคารทั้ง NPA และ NPL นั้น ธนาคารได้จัดการมาตลอด โดยการขายหนี้ดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่เข้ามารับซื้อเพื่อนำไปบริหาร ซึ่งเดิมบริษัทที่มารับซื้อหนี้ต่างๆ จากธนาคารนั้นส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทจากต่างประเทศประมาณ 3-4 ราย และหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีเป้าหมายในการลด NPL ทั้งระบบให้ลดน้อยลง โดยการให้แต่ละธนาคารขายหนี้ต่างๆ ให้กับ บสก. นำไปบริหารจัดการให้นั้น ซึ่งเรื่องนี้ธนาคารได้เตรียมหนี้สำหรับที่จะขายให้กับ บสก. ไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้หนี้ทั้ง NPL และ NPA ของธนาคารจะลดลงได้และเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้"

ทั้งนี้ที่ผ่านมายอมรับว่าปัจจัยจากภาวะความผันผวนของตลาดทุนในประเทศไทยส่งผลให้ NPL ของธนาคารเพิ่มขึ้น รองจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลให้ลูกค้าบางรายต้องมีการชะลอการลงทุนออกไป ซึ่งการที่หนี้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นนั้นจึงไม่ได้เกิดจากภาวะเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในส่วนภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าหลังจากปัจจัยทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลงส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยยังมีความน่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือนักลงทุน ซึ่งตอนนี้คิดว่าความมืดมนต่างๆ ได้คลี่คลายลงไปบ้างแล้ว โดยจากนี้เชื่อว่าความคลี่คลายดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนกลับมาได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.