|
“ลอรีอัล” ปรับทิศเลิกเหวี่ยงแหชูนวัตกรรมอิงเทรนด์เน้นแมส
ผู้จัดการรายวัน(28 กรกฎาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ลอรีอัล เบรกแผนออกสินค้าใหม่แบบเหวี่ยงแห รับพิษเศรษฐกิจหดตัว-การเมืองอึมครึม เปิดเกมรบเลือกปั้นนวัตกรรมใหญ่ลุยตลาดพร้อมอัดฉีดเม็ดเงินแจ้งเกิด ชู “การ์นิเย่” สินค้าเรือธงสร้างรายได้หลัก โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกโต 12% มากกว่าตลาด มั่นใจสิ้นปีโตเป็นตัวเลขสองหลัก ระบุตลาดดูแลผิวไทยมีศักยภาพที่โตได้อีกมาก
นายฌอง-ฟิลิปป์ ชาริเย่ร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายใต้ลอรีอัล,การ์นิเย่ และไบโอเธิร์ม ฯลฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับนโยบายการออกสินค้าใหม่ เลือกแต่นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคไทยและกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในการทำตลาดเท่านั้น และใช้งบสนับสนุนอย่างเต็มที่ จากเดิมการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะทำในลักษณะเหวี่ยงแห หรือออกผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในไทยชะลอตัวลง และจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่ความชัดเจนตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบดังกล่าวคงเป็นเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น และไม่ได้สร้างผลกระทบต่อตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโตถึง 11% ทั้งนี้เชื่อว่าหากสถานการณ์ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ ชนชั้นกลางมีรายได้เพิ่มขึ้นและกลายเป็นฐานที่ใหญ่ในโครงสร้างประชากร คาดว่าปี 2550-2551 ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากการพัฒนานวัตกรรมใหม่จากผู้ประกอบการอีกมาก เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 2-3 ชิ้นต่อคนต่อวัน เมื่อเทียบกับประเทศเกาหลีมีอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 11 ชิ้นต่อคนต่อวัน
แนวทางตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว บริษัทฯ จะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับแมส ภายใต้แบรนด์ “การ์นิเย่” เป็นหัวหอกหลักในการทำตลาดธุรกิจ เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ที่สุด โดยพบว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับแมสมีทิศทางที่ดี เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับเคาน์เตอร์หรือจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า เช่น ไบโอเธิร์ม ลังโคม เป็นต้น มีอัตราการเติบโตน้อย ส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจำหน่ายผ่านช่องทางโรงพยาบาลโดยผ่านการแนะนำของแพทย์ผิวหนัง เช่น ลาโรช โพเซย์ และช่องทางร้านเสริมสวย ได้แก่ ลอรีอัล โปรเฟสชันแนลไม่ได้รับผลกระทบในช่วงเศรษฐกิจ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 12% ส่วนลอรีอัลทั่วโลกมีอัตราการเติบโต 8.7% การเติบโตมากกว่าตลาดเป็นเพราะมีผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคคนไทย รวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์คนไทย โดยมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างการเติบโต ได้แก่ กลุ่มแรกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว มีด้วยกัน 2 แบรนด์หลัก ได้แก่ ลอรีอัล เดอร์โม เอ็กซเพอร์ทิส โต 16% และการ์นิเย่ สกิน แนชเชอรัล โต 34%
ส่วนกลุ่มสอง คือ ผลิตภัณฑ์ผู้ชายในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเป็นสองเท่าหรือโต 113% จากการเปิดตัวลอรีอัล เม็น เอ็กซเพิร์ท เจาะตลาดแมสซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นอันดับสองของตลาด และผลิตภัณฑ์ไบโอเธิร์ม อ็อม ในส่วนของเคาน์เตอร์มีอัตราการเติบโต 30% ส่วนตลาดน้ำหอมปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาด โดยครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโต 33% ในขณะที่ตลาดโต 7% อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 100% ทุกปี ซึ่งปัจจุบันรายได้ในตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายคิดเป็น 10% ของรายได้รวม
กลุ่มสุดท้าย คือ ตลาดเปลี่ยนสีผมซึ่งบริษัทฯ มีอัตราการเติบโต 2% ในขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีอัตราการเติบโต ส่งผลให้ลอรีอัลยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดทั้งในตลาดแมสและร้านเสริมสวย โดยผลิตภัณฑ์ลอรีอัล เอ็กซเซลเล็นซ์ในตลาดแมส มีอัตราการเติบโต 13% และผลิตภัณฑ์ลอรีอัล โปรเฟสชันแนลในตลาดร้านเสริมสวย โต 26% สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|