กลุ่ม SCIB เกาะเทรนด์ Aging Society ออกโปรดักส์ประกันก่อนเกษียณ


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจประกัน ผู้ให้บริการแต่ละค่ายต่างต้องเจาะหาทุกเงื่อนไข ไม่เว้นกระทั่งปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และครอบครัว เพื่อหยิบขึ้นมาใช้พัฒนาจุดเด่นในแบบกรมธรรม์ที่มุ่งสนองตอบความต้องการที่ตรงจุดแก่ลูกค้า

เช่นเดียวกับกรณี บริษัท แม็กซ์ประกันชีวิต บริษัทลูกของธนาคารนครหลวงไทย ที่เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว "แม็กซ์บำนาญ 60/7" ผลิตภัณฑ์แบบประกันเพื่อเตรียมตัวรับวัยเกษียณ

โดยกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อกรมธรรม์นี้กำหนดไว้ตั้งแต่เด็กวัย 10 ขวบ ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุวัย 52 ปี รวมทั้งยังได้กำหนดเป้าหมายยอดขายผ่านเจ้าหน้าที่ของธนาคารนครหลวงไทยจำนวน 6,000 คน ที่ประจำอยู่ใน 380 สาขาของธนาคารฯ ไว้ที่ 100 ล้านบาท เมื่อถึงสิ้นปี 2549

สำหรับแนวคิดหลักในการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ตัวนี้มาจากแนวโน้มที่ชัดเจนในความจำเป็นของรัฐบาลที่ต้องการเร่งจัดแผนแม่บทประกันภัย เพื่อเตรียมรับมือล่วงหน้ากับความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างสังคมในอีก 15-20 ปีข้างหน้า จากที่ว่าคนซึ่งกำลังอยู่ในวัยทำงานวันนี้ ร่วมๆ 12.4 ล้านคน หรือราว 20% ของจำนวนประชากร กำลังจะนำประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมที่อุดมไปด้วยคนวัยชรา หรือ Aging Society

แต่เหตุผลที่บริษัทฯ ต้องขยายกลุ่มเป้าหมาย ลงมายังเด็กเล็กวัย 10 ขวบด้วยนั้นมาจากพื้นฐานการพิจารณาข้อมูลตัวเลขสถิติด้านประชากร 2 ชุด ซึ่งจัดเก็บโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในทุกๆ รอบ 10 ปีครึ่ง

โดยตัวเลขชุดแรกชี้ถึงผลคาดการณ์อายุโดยเฉลี่ยของคนไทยเริ่มยาวขึ้นถึงกว่า 70 ปี เมื่อถึงปี 2523 ส่วนตัวเลขในชุดที่ 2 มาจากการพิจารณาข้อมูลสถิติประเมินขนาดสมาชิกโดยเฉลี่ยในแต่ละครอบครัว ระหว่างปี 2543-2553 ซึ่งบอกว่าเมื่อถึงปี 2543 ลดลงเหลือเพียง 5 คนต่อครอบครัว โดยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 3 คนต่อครอบครัว เมื่อถึงปี 2553

ยังมีอีกภาพที่ชี้ถึงมีความเป็นไปได้ว่า เด็กในรุ่นต่อๆ ไปอาจจะเติบโตไม่ทันเวลาที่จะเข้าสู่วัยทำงานก่อนที่พ่อแม่ของพวกเขาจะก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอายุ นอกจากนี้แล้วในอนาคตจำนวนเด็กในวันนี้ ที่จะเติบโตขึ้นเป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่ชราในวันข้างหน้า ยังมีแนวโน้มว่าน่าที่จะต้องลดลงด้วยเช่นกัน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายช่วงชีวิตวัยเรียน และช่วงชีวิตในวัยทำงานที่เนิ่นนานในกลุ่มคนรุ่นพ่อรุ่นแม่

ความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจที่มีมากขึ้นนั้น ยังได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างขนาดครอบครัวไทย จากครั้งอดีตที่ยังเป็นโครงสร้างในแบบ Complex Structure ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากมาย กลายมาเป็นครอบครัวเชิงเดี่ยว ที่สมาชิกครอบครัวมีจำนวนอยู่เพียงไม่กี่คนในปัจจุบัน

รวมทั้งยังทำให้ระยะเวลาในแง่เชิงการ มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือพ่อแม่ของตน ต้องพลอยหดสั้นและห่างเหินกันมายิ่งขึ้น จากที่เป็นปัจจัยในการผลักดันให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ต้องเร่งฝีเท้าก้าวเข้าสู่แผนการยกระดับมาตรฐานการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการรีบออกหางานทำกันอย่างรวดเร็วในทันทีที่จบการศึกษา

"แต่เดิมสังคมเราเป็นครอบครัวใหญ่ คนที่พอจะมีกำลังหาเงินมาเลี้ยงคนแก่ในครอบครัวจะมีอยู่มาก แต่ตอนนี้สังคมเปลี่ยนไป คนวัยทำงานก็เริ่มจะมีอายุมากขึ้น การหารายได้ก็ลำบากมากขึ้น แต่งงานก็ช้า ลูกอาจโตไม่ทัน คนจึงเริ่มคิดกันใหม่ว่า ถ้าเกษียณแล้วยังต้องมีรายจ่าย แต่ไม่มีรายได้ แล้วจะทำอย่างไร" อธิคม บางวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์ประกันชีวิต กล่าว

แนวคิดของคนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงกลายมาเป็นในแนวคิดการพัฒนาโปรดักส์ตัวใหม่ที่ชื่อ "แม็กซ์บำนาญ 60/7" แบบประกันรับวัยเกษียณ พร้อมด้วยกรมธรรม์ เพื่อการออมเงินสำหรับบุตรหลานในอนาคต

ในตัวผลิตภัณฑ์นี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์ประกันชีวิต ชูจุดขายเรื่องการชำระเบี้ยประกันภายในช่วงเวลาสั้นๆ คือเพียงแค่ 7 ปี แต่ให้ความคุ้มครองอย่างยาวจนอายุ 60 ปี พร้อมเงินคืนทุกปีตลอดชีวิต

โดยช่วงแรกคืนให้ในอัตรา 10% ของทุนประกัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 1- อายุ 59 ปี, ช่วงที่ 2 จากอายุ 60-67 ปี ได้รับคืนในอัตรา 30% และช่วงสุดท้ายคือตั้งแต่อายุ 68-99 ปี บริษัทฯ จะคืนในรูปเงินสมนาคุณให้ปีละ 30%

แต่อัตราเงินคืนที่กำหนดไว้นี้ ทางแม็กซ์ ประกันชีวิตบอกว่า อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจในปีนั้นๆ ยกเว้นเฉพาะผู้ที่ซื้อประกันภายในปี 2549 ที่ยังจะได้รับการการันตีอัตราเงินคืนที่ 30% โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีข้อเสนอแรงจูงใจเรื่องการให้เงินโบนัสเพิ่มอีก 1% ตั้งแต่ปีที่ 2-7 ของการชำระค่าเบี้ย สำหรับผู้ที่ไม่เคยผิดนัดชำระค่าเบี้ยประกัน

ส่วนเงื่อนไขการให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์กำหนดไว้ว่าในปีที่ 1-2 บริษัทฯ จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้ถือกรมธรรม์ 100% ของทุนประกัน, ในปีที่ 3-4 จะได้รับความคุ้มครอง 150% ในปีที่ 5-6 ให้ความคุ้มครองที่ 200% และเมื่อลูกค้าชำระเบี้ยครบในปีที่ 7 จะได้รับความคุ้มครองเป็น 250% จนกว่าจะถึงอายุ 60 ปี

แต่จากนั้นสัดส่วนความคุ้มครองนี้จะค่อยๆ ลดลงปีละ 25% จนเหลือ 100% เมื่อถึงอายุ 67 ปี และเงื่อนไขความคุ้มครองนี้จะหมดลง โดยผู้เอาประกันจะกลับเข้าสู่เงื่อนไขการ ได้รับเงินคืนปีละ 30% ตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะมีอายุครบ 99 ปี

อย่างไรก็ตาม แผนการออมผ่าน "แม็กซ์บำนาญ 60/7" ถูกกำหนดไว้เป็น 2 แผน คือแผน A สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มี อายุตั้งแต่ 10 ปี จนถึง 39 ปี ชำระเบี้ยประกัน 45,000 บาท ต่อปีต่อทุนประกันที่ 100,000 บาท และแผน B สำหรับลูกค้าที่มีอายุ 40-52 ปี ชำระเบี้ย 50,000 บาทต่อปี ต่อทุนประกันที่ 100,000 บาท โดยจำนวนเบี้ยประกันที่ต้องชำระจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนทุนประกันและผลประโยชน์ที่ลูกค้าต้องการ

แม้แบบประกันนี้จะยังมีจุดอ่อนในประเด็นค่าเบี้ยประกัน ที่อาจทำให้คนคิดกันได้ว่ายังสูงอยู่ก็ตาม แต่ทางผู้บริหารของแม็กซ์ประกันชีวิต บอกว่า ระยะเวลาที่ผู้เอาประกันจะได้เก็บเกี่ยวผลตอบแทนนั้น อย่างไรก็นับว่าคุ้มกว่าเมื่อดูจากช่วงเวลาที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน

สำหรับสถานะของบริษัทแม็กซ์ประกันชีวิต เมื่อสิ้นปี 2548 มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 2,972 ล้านบาท ทุนประกันที่ 9,575 ล้านบาท และเงินสำรองประกันภัย 2,464 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีลูกค้าทั้งสิ้นกว่า 30,000 กรมธรรม์

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีภาระขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 80-90 ล้านบาท แต่คาดว่าตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเริ่มทำกำไรได้แล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.