อสังหาฯออสซี่ลุยผุด 4 คอนโดฯ-วิลล่า เชื่อการเมือง-เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง


ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"วัตสันกรุ๊ป" ทุนอสังหาฯ ออสเตรเลีย ยันเศรษฐกิจ-การเมืองไทยยังแข็งแกร่ง ในสายตานักลงทุนต่างชาติ เชื่อปัญหาการเมืองขณะนี้ ส่งผลกระทบเพียงระยะสั้น หากได้บทสรุปชัดเจนเมื่อใดตลาดกลับมาขยายตัวอีกครั้ง พร้อมเดินหน้าผุด 4 โครงการรวดในปีนี้

นายมาร์ค วัตสัน กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท วัตสัน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ จากประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลีย เป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่สูงมากๆ ดังนั้น ในช่วง4 ปีก่อนหน้านี้ บริษัทได้ขยายการลงทุนออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงแรกได้เข้ามาศึกษาตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีกลุ่มประเทศที่น่าสนใจประกอบด้วย สิงคโปร์, มาเลเซีย,เวียดนาม และไทย

แต่หลังจากที่มีการวิเคราะห์ตลาดแล้วพบว่า ประเทศไทยเหมาะสำหรับเข้ามาลงทุนมากที่สุด เนื่องจากมีความพร้อมทั้งเรื่องการท่องเที่ยว อัตราการการเติบโตของเศรษฐกิจ สังคมน่าอยู่ และสถานภาพด้านการเมืองมั่นคง

"สาเหตุที่ไม่เลือกประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและประชากรในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้ว ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า และค่อนข้างมีข้อจำกัดหลายเรื่อง ไม่ว่าการเจรจาธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ค่อนข้างยุ่งยาก มีข้อจำกัดด้านกฎหมายมากกว่าประเทศอื่นๆ ในขณะที่การเจรจาธุรกิจกับคนไทยง่ายและสะดวกกว่า ส่วนในประเทศมาเลเซียนั้น ปัญหาใหญ่คือ ไม่สามารถนำผลกำไรกลับออกนอกประเทศได้ แต่จะต้องนำกำไรที่เกิดจากการประกอบธุรกิจและการลงทุน ไปพัฒนาหรือสร้างประโยชน์ในประเทศมาเลเซียต่อ" นายมาร์คกล่าวถึงความแตกต่างของนโยบายการบริหารประเทศ

สำหรับประเทศเวียดนามนั้น แม้ว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะสูงกว่าประเทศไทย แต่เมื่อพิจารณาเรื่องระบบสาธารณูปโภค ระบบการคมนาคม แหล่งท่องเที่ยวและสังคมแล้ว ยังห่างไกลจากประเทศไทยค่อนข้างมาก ซึ่งไม่เหมาะสมกับการลงทุนและไม่ตรงกับนโยบายในการพัฒนาธุรกิจของบริษัท เนื่องจากสินค้าของบริษัทเน้นเจาะลูกค้าในตลาดระดับบน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริโภคจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ กลุ่มวัตสัน กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจทางด้านพัฒนาโครงการอสังหาฯ ซึ่งอยู่อันดับที่ 2 ในประเทศออสเตรเลีย ทำการพัฒนาโครงการทั้งในแบบการพัฒนาบ้านพร้อมที่ดินขาย และพัฒนาที่ดินพร้อมสาธารณูปโภคขายในกรณีที่ลูกค้าต้องการสร้างบ้านเอง โดยทางกลุ่มมีความสามารถในการผลิตที่อยู่อาศัยต่อปีประมาณ 1,000 หน่วย และได้พัฒนาโครงการมาแล้วประมาณ 40 โครงการ

นายมาร์ค กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้น จะเน้นพัฒนาสินค้าในกลุ่มคอนโดฯ และวิลล่ามากกว่าพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว เนื่องจากทางกลุ่มมีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและทีมงาน ขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวมีการแข่งขันค่อนข้างมากและต้องถือว่าผู้ประกอบการไทยทำได้ดีอยู่แล้ว

สำหรับเป้าหมายการลงทุนในปีนี้ วางไว้ 4 โครงการ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการแรก คือ เบลล์แอร์ พันวา คอนโดมิเนียม แหลมพันวา จ.ภูเก็ต พื้นที่ 7 ไร่ ในแหลมพันวา ใช้เงินลงทุนไปกว่า 300 ล้านบาท จำนวน 87 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 4.5-10.9 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายกว่า 50% คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้

นายมาร์คกล่าวว่า ส่วนอีก 3 โครงการ จะลงทุนในครึ่งปีหลัง โดยได้เข้าไปซื้อที่ดิน จำนวน 1 ไร่ เพื่อพัฒนาในนามโครงการกะตะ ไฮด์ คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 20 ยูนิต 4 ชั้น 1 อาคาร ราคาขาย 5.5-10.1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 70 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดการขายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า

พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินจำนวน 10 ไร่ ทางตอนเหนือของหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต จากกลุ่มนักลงทุนท้องถิ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนส.ค.นี้ โดยตามแผนจะพัฒนาเป็นวิลล่าหรู เป็นศาลาทรงไทย จำนวน 20 ยูนิต ราคาขายหลังละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดฯ ในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินจำนวน 2 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น จำนวน 75 ห้อง คาดภายใน 1 สัปดาห์จะได้ข้อสรุป

"เรายังลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ในไทยต่อเนื่อง ตามแผนในระยะ 5 ปีข้างหน้า จะพัฒนาโครงการให้ได้ใกล้เคียงที่พัฒนาในประเทศออสเตรเลีย ไม่ต่ำกว่า 1,000 ยูนิตต่อปี" นายมาร์คกล่าวและว่า

ในส่วนของปัญหาทางด้านการเมืองของไทย เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อกลุ่มลูกค้าของบริษัทมากนัก เนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อที่สูงและไม่ได้ผลพ่วงจากภาวะเศรษฐกิจ

"นักลงทุนต่างชาติมองว่า ในทุกประเทศก็มีปัญหากัน แต่จะมากจะน้อยเท่าใดนั้นต่างกัน ในสายตาของผมแล้วเชื่อว่า ปัญหาด้านการเมืองจะเกิดขึ้นระยะสั้นๆ และจะชัดเจน เรื่องนี้สำหรับนักลงทุนที่ขยายการลงทุนไปทั่วโลก ต่างก็เจอกันมาแทบทุกราย"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.