SLC ดึงพันธมิตรทำ BARTER TRADE ลดความเสี่ยงหนุนรายได้ลุยต่างประเทศเพิ่ม


ผู้จัดการรายวัน(21 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

SLC ดึงพันธมิตรใหม่ XO LIMITED จากนิวซีแลนด์ นำระบบ BARTER TRADE เข้ามาทำตลาดในไทยและต่างประเทศ หวังดันได้รายเพิ่มและลดความเสี่ยง หลังปัญหาการเมืองในประเทศยืดเยื้อ เตรียมประมูลงานครึ่งปีหลังวงเงิน 100 ล้านบาทเพิ่ม เผยหากผลการดำเนินงานเจ๋ง จะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อจ่ายปันผลและเพิ่มฟรีโฟลท ขณะที่ปีนี้คงเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 120 ล้านบาท เชื่อครึ่งปีหลังผลงานจะดี พร้อมเดินหน้าประมูลงานรัฐมูลค่า 100 ล้านบาท ช่วง 5 เดือนที่เหลือ พร้อมดันรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 10% และจะดันสัดส่วนรายได้ภาครัฐและเอกชนให้เท่ากันอย่างละ 50%

นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) ( SLC) กล่าวว่าบริษัทได้ลงทุนก่อตั้ง บริษัท โอเพ่น เซิร์ฟ (ไทยแลนด์ ) จำกัด ที่ตั้งขึ้นมาด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 99.99% เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า การบริการ ทั้งในและต่างประเทศโดยไม่ใช้เงินสดหรือ BARTER TRADE ซึ่งล่าสุดบริษัทแห่งนี้ ร่วมมือกับ XO LIMITED ประเทศนิวซีแลนด์ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับอี-คอมเมิร์ช โดยในช่วงแรกจะเน้นเป็นตัวกลางในการซื้อแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต

โดยในส่วนของธุรกิจ BARTER TRADE นั้น SLC ได้ซื้อลิขสิทธิ์การดำเนินธุรกิจจาก XO LIMITED ภายใต้เครื่องหมายการค้า Ozone และ Barter Exchang ที่มีสมาชิกรวมทั้งสิ้นกว่า 107,000 รายทั่วโลก ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการขยายลูกค้าเพิ่มอย่าง อิหร่าน มาเลเซีย จีน และยุโรป เป็นต้น

"ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และการที่โอเพ่น เซิร์ฟฯ นำระบบอี-คอมเมิร์ช ระบบใหม่ของในการทำธุรกรรม BARTER TRADE นั้น บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกกว่า 1,200 ราย ภายในปีนี้ และมีแผนที่จะขยายไปยังเวียดนามในอนาคต" นายนิทัศน์กล่าว

นายชัชพงศ์ มัญชุภา รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่ารายได้จากธุรกิจตัวใหม่นี้ บริษัทจะคิดเป็นค่าบริการที่ได้จากมูลค่าการเทรดประมาณ 10% ซึ่งธุรกิจนี้จะให้บริการลูกค้าได้ทุกหลายชนิดแม้แต่สินค้า OTOP โดยการเลือกสมาชิกต้องดูทั้งงบการเงิน การบริหารงานและอื่น ๆ ประกอบด้วย ซึ่งปีแรกคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่นี้ 3 ล้านบาท และมีสมาชิก 1,200 ราย ขณะที่ปี 50 คาดว่าจะมีสมาชิก 5 พันราย คิดเป็นยอดเทรดในระบบ 400 ล้านบาท และปี 51 คาดว่าจะมีสมาชิก 1 หมื่นราย ยอดเทรดผ่านระบบ 700 ล้านบาท พร้อมกับขยายไปยังต่างประเทศด้วย

สำหรับผลการดำเนินในปีนี้ SLC ยังคงวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 120 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมกับงาน Backlog แล้วประมาณ 90 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะรับรู้ประมาณ 90% และขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก 5 เดือน ที่บริษัทยังสามารถดำเนินงานเพื่อปิดงบปีนี้และคาดว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยครึ่งปีหลังสัดส่วนระหว่างรายได้จากธุรกิจซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์จะใกล้เคียงกันที่ระดับ 50% โดยช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานระบบฮาร์ดแวร์ของภาครัฐ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท หรือประมาณ 10-15 โครงการ

นายชัชพงศ์กล่าถึงปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นว่า ค่าเงินบาทกระทบต่อการซื้อขายสินค้า แต่เชื่อว่างบจากรัฐบาลจะต้องใช้จ่ายงบประมาณที่จะเร่งออกมากันมากในช่วงไตรมาส 3 นี้ เพราะเป็นงบเดิมที่รัฐต้องใช้จ่ายให้หมด ซึ่ง SLC ก็ต้องเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มอีก เพื่อให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทระหว่างภาครัฐกับเอกชนใกล้เคียงกัน และการตั้งบริษัทใหม่ทำธุรกิจให้หลากหลาย ก็เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงานจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มการขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วย

โดยปี 2549 SLC ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศไว้ที่ 10% ของรายได้ของบริษัท จากที่ปัจจุบันยังมีรายได้จากส่วนนี้ค่อนข้างน้อย โดยหากรุกตลาดต่างประเทศจะช่วยลดความเสี่ยงในธุรกิจรวมถึงยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สเปน สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในช่วงไตรมาส 4

นายชัชพงศ์กล่าวถึงแผนการเพิ่มทุนของบริษัทว่า น่าจะได้ข้อสรุปปลายปีนี้ หลังจากที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ออกมาแล้ว เพราะจะต้องรอดูตัวเลขผลการดำเนินงานรวมของบริษัทก่อนว่าจะออกมาดีหรือทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทก็อาจจ่ายปันผลในรูปของเงินสดและหุ้นปันผล ซึ่งการที่บริษัทออกหุ้นใหม่นี้จะเป็นการเพิ่มฟรีโฟลทให้กับหุ้นของบริษัทในตลาดด้วย เพราะจะทำให้มีปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม

"เราต้องดูผลงานไตรมาสสุดท้ายของเราก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายเราจะเห็นภาพชัดเจนกว่านี้" นายชัชพงศ์กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.