นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเซเว่นฯ ได้เข้าไปติดต่อทาบทามซื้อกิจการของร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท
เช่นเดียวกับกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งได้รับการปฏิเสธจากแฟมิลี่มาร์ท อย่างไรก็ตามบริษัทจะยื่นข้อเสนอเข้าไปใหม่อีกครั้งในเร็วๆนี้
ซึ่งความต้องการซื้อกิจการร้านแฟมิลี่มาร์ท เนื่องจากเห็นว่าสาขากว่า 80% อยู่ในทำเลที่ดี
ทำยอดขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจ หากเซเว่นฯเจรจาซื้อแฟมิลี่มาร์ทได้เป็นผลสำเร็จก็
จะเปลี่ยนชื่อร้านใหม่เป็นเซเว่น อีเลฟเว่น
นายสุวิทย์ ให้ความเห็นอีกว่า การที่กลุ่มนายเจริญต้องการเข้าไปซื้อกิจการแฟมิลี่มาร์ท
เพราะต้องการช่องทางการจำหน่ายสินค้า ซึ่งเป็นแนวคิดทั่วไปของผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีสินค้าจำนวนมาก
และมีเงินทุนหนา การมีช่องทางจำหน่ายเป็นของตัวเองจะเป็นการต่อยอดธุรกิจของสินค้าในเครือ
เพราะสามารถทำกิจกรรมส่งเสริมการขายระหว่างสินค้าหนึ่งกับสินค้าหนึ่งได้ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่โดยปกตแล้วลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในคอนวีเนี่ยนสโตร์
จะไม่ซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะซื้อสินค้าอื่นที่จัดรายการควบคู่ไปด้วย
“หากคุณเจริญซื้อแฟมิลี่มาร์ทได้จริง เซเว่นฯคงได้รับผลกระทบด้านยอดขายไปด้วย
เพราะในร้านเซเว่นฯมีสินค้าของกลุ่มคุณเจริญจำนวนมาก ทั้งเครื่องดื่ม อุปโภค บริโภค
ฯลฯ และส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ขายดี”
หวั่นคอนวีเนี่ยนสโตร์กลุ่ม‘เทสโก้’
เหตุผลหลักอีกประการที่เซเว่นฯต้องการเครือข่ายสาขาของร้านแฟมิลี่มาร์ท เพราะต้องการเร่งขยายสาขาคอนวีเนี่ยนสโตร์ให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญของประเทศไทยไว้ก่อน
เนื่องจากขณะนี้กลุ่มเทสโก้ ได้เข้าซื้อกิจการคอนวีเนี่ยนสโตร์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีจำนวนสาขาไม่มากนัก
แต่คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า เทสโก้ น่าจะนำคอนวีเนี่ยนสโตร์ดังกล่าวมาขยายสาขาในประเทศไทยด้วย
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายในปัจจุบันที่เทสโก้ จะขยายสขาเข้ามาในย่านชุมชนมากขึ้น ด้วยขนาดและรูปแบบของร้านที่เล็กลง
โดยจะเป็นในลักษณะของเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส หรือ เทสโก้ โลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ต
และเทสโก้ โลตัส ก็มีนโยบายที่จะเปิดร้านคอนวีเนียนสโตร์ในประเทศไทยอยู่แล้ว
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า กลุ่มเทสโก้ถือเป็นคู่แข่งสำคัญที่น่ากลัวสำหรับเซเว่นฯ
เพราะมีเงินทุนจำนวนมาก และถือเป็นกลุ่มค้าปลีกข้ามชาติที่มีศักยภาพการลงทุนสูงที่สุด
การปรับทิศมาขยายสาขาคอนวีเนี่ยนสโตร์ของเทสโก้ในไทย เป็นเพราะกฎหมายค้าปลีกไทยที่กำลังออกมาบังคับใช้จะมีข้อกำหนดสำคัญ
คือ เรื่องโซนนิ่ง ที่ห้ามค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือดิสเคานต์สโตร์ ขยายสาขาในเมือง
ดังนั้นเทสโก้คงต้องปรับรูปแบบการขยายค้าปลีกใหม่ โดยมุ่งขยายในพื้นที่ขนาดเล็กแทน
ส่วนรูปแบบ‘เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส’ ที่มีอยู่ในปั๊มน้ำมันขณะนี้ ไม่ใช่คอนวีเนี่ยนสโตร์
แต่เป็นรูปแบบซูเปอร์มาร์เก็ตย่อส่วน สินค้าที่จะหน่ายจะแตกต่างจากคอนวีเนี่ยนสโตร์ที่เน้นอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก
ปรับตัวหนี“เออาร์ที”
นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า การเปิดดำเนินงานของบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด หรือ“เออาร์ที”
เป็นแนวคิดที่ดีในการช่วยเหลือนโชวห่วยไทย แต่เออาร์ที ควรรีบเปิดตัวร้านค้าปลีกต้นแบบ
เพื่อให้โชวห่วยไทยเห็นความแตกต่างการบริหารรูปแบบเดิม และรูปแบบใหม่เพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้น
การที่โชวห่วยไทยไม่เห็นรูปแบบการทำงาน และข้อดีจากร้านที่เปิดดำเนินการจริง ทำให้ลังเลในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก
การเปิดตัวรูปแบบการทำงานของเออาร์ที ในขณะนี้ยังเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคเป็นหลัก
แตกต่างจากเซเว่นฯที่ปรับตัวสู่ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และบริการรูปแบบต่างๆ
เช่น บริการของเคาน์เตอร์เซอร์วิส แคตาล็อกเซลส์ แต่ในอนาคตหลังจากเออาร์ทีเปิดร้านต้นแบบได้ระยะหนึ่ง
จะต้องปรับตัวใหม่โดยหันมาให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้นเช่นเดียวกับร้านเซเว่นฯ
เพราะเป็นสินค้าที่ทำกำไรสูงประมาณ 30% แตกต่างจากการจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค
ที่ทำกำไรเพียง 10-15% เท่านั้น
จากการที่ร้านค้าโชวห่วยจำนวนกว่า 200,000 รายในประเทศไทย สนใจจะเป็น
สมาชิกของเออาร์ที ทำให้ในระยะต่อไปเซเว่นฯจำเป็นต้องปรับตัวหนีการแข่งขันจาก
เออาร์ที ด้วยการเพิ่มบริการที่แตกต่างขึ้นไปอีก คือ รูปแบบของแคตตาล็อกเซลส์
ที่หลังจากเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน พบว่าได้รับความสนใจจากลูกค้าสูงมาก มียอดขายในระดับที่น่าพอใจ
ปัจจุบันเซเว่นฯมีสาขาทั่วประเทศจำนวน 2,100 แห่ง ในปีนี้วางเป้าหมายเปิดเพิ่มอีก
300 แห่ง ซึ่งการเข้ามาทาบซื้อกิจการแฟมิลี่มาร์ทของนายจริญ และการเตรียมเปิดตัวคอนวีเนี่ยนสโตร์ของเทสโก้
ยังไม่ส่งผลกระทบให้ธุรกิจเกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลาย เพราะจากจำนวนประชากร 62 ล้านคนของไทย
สามารถมีคอนวีเนี่ยนสโตร์ได้ถึง 10,000 แห่ง
อย่างไรก็ตามในปีนี้ดิสเคานต์สโตร์ยังไม่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายค้าปลีก ที่มีสาระสำคัญเรื่องโซนนิ่ง
ดังนั้นปีนี้จะเห็นการขยายสาขาของคอนวีเนี่ยนสโตร์อีกไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง แน่นอน
จากการเร่งขยายสาขาของผู้ประกอบการหลัก 4 ราย คือ เทสโก้ โลตัสส,บิ๊กซี,คาร์ฟูร์
และแม็คโคร
สงครามกระทบกำลังซื้อไม่มาก
นายสุวิทย์ ยังได้กล่าวถึงภาพรวของธุรกิจค้าปลีกในปี 2545 ว่าจะขยายตัวประมาณ
3-5% จากมูลค่าธุรกิจค้าปลีกที่ผ่านระบบจ่ายภาษีของรัฐจำนวน 1.3 แสนล้านบาท แต่ปีนี้การเติบโตน่าจะมีมากขึ้น
โดยดูได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของปีนี้
ที่มีเทศกาลจับจ่ายใช้สอยหลายรายการ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน คาดว่าไตรมาสแรกของปีนี้ภาพรวมค้าปลีกน่าจะเติบโตได้
5%
สำหรับสถานการณ์การก่อสงครามระหว่างสหรัฐฯ-อิรัก ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก
โดยช่วงแรกของการเกิดสงครามผู้บริโภคจะหยุดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟื่อย ทำให้สินค้าดังกล่าวอาจมียอดขายลดลงในระดับ
20% ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันผู้บริโภคจะซื้อลดลงประมาณ
5% แต่หลังจากเห็นว่าสงครามไม่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า จากการควบคุมอย่างเข้มงวดของภาครัฐ
กำลังซื้อก็จะกลับคืนมาในที่สุด