|

“ประชัย” โวยมติเถื่อนบีบพ้นทีพีไอ
ผู้จัดการรายวัน(21 กรกฎาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“ประชัย” โวยผลประชุมผู้ถือหุ้นทีพีไอวานนี้ (20 ก.ค.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุศาลแพ่งระยองและนนทบุรียังไม่ชี้ขาดอำนาจกรรมการชุดใหม่ ขณะที่ "ปตท." นำทีมผู้ถือหุ้นโหวตเขี่ยประชัยพ้นทีพีไอด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น อ้างเหตุผลเพื่อแก้ไขป้องกันความเสียหายของบริษัทที่อาจถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ “ปิติ” รีบนำรายชื่อคณะกรรมการทีพีไอชุดใหม่จดทะเบียน ต่อพาณิชย์และแจ้งขอปลดเครื่องหมาย NC ในวันนี้
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เปิดเผยว่า การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทีพีไอเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ตนและกรรมการในตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ไม่เข้าร่วมประชุม เพราะในการประชุมผู้ถือหุ้นทีพีไอเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำคำสั่งศาลจังหวัดนนทบุรีที่ระงับการกระทรวงการคลังจัดประชุมผู้ถือหุ้นฯไว้ จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่คลังยังฝืนคำสั่งศาลฯ จัดประชุมต่อไปจนเป็นที่มาของการประชุมผู้ถือหุ้นฯ ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ยอมรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งจังหวัดระยองให้ยกเลิกการแต่งตั้งกรรมการทีพีไอเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2549 และยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีหลังคลังละเมิดคำสั่งศาลที่จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นฯ
วานนี้ (20 ก.ค. ) เวลาประมาณ 10.30 น. มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้ง1/2549 ของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอโดยพลเอกมงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการอีก 12 คน อาทิ นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา นายพละ สุขเวช นายอารีย์ วงศ์อารยะ ดร.วีระพงษ์ รามางกูร นายปิติ ยิ้มประเสริฐ นางไพฑูรย์ พงษ์เกสร และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
บรรยากาศการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการคุมเข้มในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน จำนวน 200 นาย ประจำตามจุดต่างๆ ตั้งแต่ปากทางเข้าโรงงาน พร้อมทั้งยังมีจุดตรวจสอบเอกสารผู้ถือหุ้นทีพีไอจำนวน 3 จุด เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ อาจจะมีม็อบที่สนับสนุนให้นายประชัยเข้ามารับตำแหน่งอย่างเดิม
พลเอกมงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ประธานกรรมการ ทีพีไอ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ จะพิจารณาการจัดหาเงินเพื่อชำระคืนหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงินก่อนกำหนด จำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และการปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ก่อนออกตามวาระ เนื่องจากนายประชัยถูกกล่าวโทษโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการปั่นหุ้นทีพีไอโพลีน หากบริษัทฯ ไม่ดำเนินการปลดนายประชัย ก็อาจเป็นเหตุให้ทีพีไอถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนได้ และไม่สามารถดำเนินการออกหลักทรัพย์ให้พนักงาน (ESOP) ได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการด้วย
ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ ได้มีมติปลดนายประชัย ด้วยคะแนน 98.86% คิดเป็นจำนวนหุ้น 12,847 ล้านหุ้น ไม่เห็นด้วย 11,714 หุ้น งดออกเสียง 5.6 แสนกว่าหุ้น ถือว่าที่ประชุมมีมติปลดนายประชัยตามข้อบังคับของบริษัท
นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีพีไอ กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯมีมติให้ปลดนายประชัยแล้ว บริษัทจะนำรายชื่อคณะกรรมการชุดใหม่ไปจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (21 ก.ค.) รวมทั้งแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อขอให้ปลดเครื่องหมาย NC คาดว่าตลท.จะปลดเครื่องหมาย NC ในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังได้มีมติให้บริษัทออกหุ้นกู้จำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำอันดับความน่าเชื่อถือ คาดว่าจะออกหุ้นกู้มีอายุ 10ปีได้ภายในปีนี้ ซึ่งหุ้นกู้ทั้งหมดจะนำอออกขายให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้เตรียมแผนจะกู้เงินระยะสั้น (บริดจ์ไฟแนนซ์) ระยะเวลา 1ปี ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จำนวน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินหลายแห่ง
“ขั้นตอนการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออาจล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ แต่เชื่อว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ จะทราบผลว่าจะเลือกแนวทางใดระหว่างการออกหุ้นกู้หรือกู้เงินระยะสั้นเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิมของทีพีไอ 950-960 ล้านเหรียญสหรัฐ”
นายปิติ กล่าวว่า บริษัทฯมีโครงการเร่งด่วน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.1-1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3ปี ทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย 1. โครงการการขยายและปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อให้กลั่นน้ำมันดีเซลที่มีคุณภาพได้ เงินลงทุน 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2.5 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบัน 2.1 แสนบาร์เรล/วัน
2.โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า กำลังการผลิต 200-300 เมกะวัตถ์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี และ 3. การปรับปรุงท่าเรือทีพีไอ ให้มีขีดความสามารถในการรองรับเรือขนาด 2 ล้านบาร์เรลได้ แต่ปัจจุบันรองรับเรือได้เพียง 1.5 ล้านบาร์เรล โดยคณะผู้บริหารมีโครงการจะขุดลอกหน้าท่า ให้มีความลึกขึ้น เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ได้ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในส่วนนี้ประมาณ 30-50 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2.2-2.4 แสนล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.8 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงพ.ย.ศกนี้ ทีพีไอจะปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 30-40 วัน ทำให้รายได้บริษัทหายไป 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่องบการเงินไตรมาส 4 ปีนี้
นายสุทธิชัย จิตรวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะมีการย้าย บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI กลับมาซื้อขายในหมวดปกติได้นั้น ต้องรอให้ผู้บริหารของ TPI มีการยื่นเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงกรรมการของบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ และมีการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียนของตลาดหลักทรัพย์ฯ และยื่นหนังสือเพื่อขอกลับมาซื้อขายหมวดปกติต่อตลาดหลักทรัพย์ก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการพิจารณาเอกสาร และจะปลดเครื่องหมาย NC
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|