"ปรีชา ปุณณกิตติเกษม 10 ปีของการปั้นสีดัทช์บอย"


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2537)



กลับสู่หน้าหลัก

การปรับแผนการตลาดของสินค้าที่มีศักยภาพสูงอยู่แล้วนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ แต่หากต้องเข้าไปเปลี่ยนรูปโฉมเทคนิคการค้าในผลิตภัณฑ์ที่ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว หรือไม่อาจหามุมมองการตลาดใหม่ๆ มากระตุ้นให้สินค้าตัวนั้นเติบโตได้มากกว่านี้แล้ว

นับเป็นเรื่องยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาทีเดียว

ปรีชา ปุณณกิตติเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เพนท์ แอนด์ เคมิคัล จำกัด เป็นผู้หนึ่งที่รู้ซึ่งถึงสัจธรรมข้อนี้ดี เพราะการที่เขาสามารถผลักดันให้สี "ดัทช์บอย" ซึ่งค่อนข้างจะโนเนมเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ให้ก้าวขึ้นมาสู่ระดับแนวหน้า และมีค่ายใหญ่ในวงการอย่างเช่นบริษัทปูนซีเมนต์ไทยหรือเครือเจริญโภคภัณฑ์หนุนหลังอย่างเต็มที่ในทุกวันนี้ คงเป็นเครื่องยืนยันในสิ่งดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

เมื่อย้อนเวลาถอยหลังไปกว่า 10 ปีที่แล้ว ในยามที่ปรีชายังเป็นเพียงเจ้าของโรงงานสีระดับห้องแถวซอมซ่อในซอย 20 มิถุนายน แถวห้วยขวางผลิตสีคุณภาพกลาง ราคาต่ำป้อนเอเยนต์ที่มีอยู่ไม่กี่สิบเจ้านั้น ความคิดฝันของเขาที่จะพยายามยกระดับโรงงานของตนเองให้ขึ้นชั้นสู่แนวหน้าให้จงได้นั้นมีอยู่ตลอดเวลาแต่เขาก็ตระหนักดีว่า การที่จะขึ้นชั้นไปเทียบเท่ากับสีดังแห่งวงการอย่างเช่น ทีโอเอ หรือไอซีไอได้นั้น หากต้องเดินตามแนวทางความสำเร็จของสีดังทั้ง 2 แล้ว ความคิดฝันที่คาดหวังไว้นั้นคงไม่เป็นจริงอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องฉีกแนว และเดินตามแนวทางของตัวเอง

ในภาวะการณ์เช่นนี้เขามองเห็นว่า ช่องทางการตลาดที่ดีเป็นจุดหนึ่งที่ค่ายสีทั่วไปละเลยไปเป็นอย่างมาก และถ้ายิ่งได้ผู้จัดจำหน่ายที่เป็นที่รู้จักกันทั่ววงการด้วยแล้ว ก็สบายไปแล้วหนึ่งขั้น ประจวบเหมาะกับที่ปรีชาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีดัทช์บอย ซึ่งเคยเข้ามาสร้างชื่อเสียงอยู่พักหนึ่งเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว และร้างราไปเนื่องจากผู้จัดจำหน่ายเดิมไม่ทุ่มเทงานด้านตลาดอย่างจริงจัง ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า การเจรจาเพื่อให้ค่ายใหญ่ในวงการสนใจคงจะไม่ยากเกินกำลัง

ชลประทานซีเมนต์ หรือปูนเล็ก เป็นเป้าหมายแรกที่ปรีชาหวังจะเพิ่มช่องทางการตลาดเข้าไป แม้ว่าการดำเนินการของปูนเล็ก จะไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าที่ควร โดยไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นออกสู่ตลาดเลย นอกจากปูนซีเมนต์ แต่ปรีชาก็มีความมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่า ผู้บริหารรุ่นใหม่ของปูนเล็กที่จะก้าวขึ้นมาอย่างเช่น วราวุธ วงศ์วิเศษ จะช่วยพลิกโฉมหน้าของปูนเล็กได้มากพอสมควร

ดังนั้นหลังจากได้มีการติดต่อ โดยอาศัย "ช่องทางพิเศษ" ผ่านผู้มีสัมพันธ์เป็นอย่างดีกับณรงค์ จุลชาติ กรรมการผู้จัดการของปูนเล็กในขณะนั้นจนสำเร็จแล้ว ปรีชาก็ได้เริ่มปรับปรุงวิธีเจาะตลาดใหม่ โดยหันมาให้ความสำคัญกับตลาดโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แทน โดยพบว่าค่ายใหญ่อย่างทีโอเอ และไอซีไอจะเน้นตลาดเอเยนต์ ไม่สนใจตลาดโครงการเลย ปรีชาจึงได้วางแผนการร่วมกับชลประทานทุ่มเทให้ตลาดนี้อย่างเต็มที่จนในช่วงแรกมีโครงการขนาดกลางและใหญ่ เลือกใช้สีดัทช์บอยมากถึง 20 แห่ง

จนมีคนในวงการตั้งข้อสังเกตว่า 20 โครงการที่ได้มานั้นได้มาด้วยความสามารถ หรือใช้บารมีของชลประทานในการบีบโครงการให้เลือกสีดัทช์บอย

เมื่อตลาดเริ่มรู้จักสีดัทช์บอยกันมากขึ้น จนกระทั่งค่ายใหญ่คือทีโอเอ และไอซีไอ ก็ต้องหันมาเน้นการทำตลาดโครงการแข่งด้วยในที่สุด จากความสำเร็จขั้นแรก ก็นำมาซึ่งการชักนำคอนซูมเมอร์ซัพพลายเออร์ อีก 3 รายที่มีชื่อเสียงคือหลุยส์ ที เลียวโนแวนส์ เอฟอี ซิลลิค และบริษัทกระเบื้องโอลิมปิค ให้มาเป็นผู้จัดจำหน่ายด้านเอเยนต์ให้กับดัทช์บอยซึ่งก้าวเดินครั้งนี้ก็ไม่ผิดกับก้าวเดินแรกในการเจรจา เพื่อให้ได้พันธมิตรโดยปรีชาจะต้องพึ่งพาผู้มีช่องทางพิเศษคอยเป็น "สะพานใจ" เพื่อให้การเจรจาสำเร็จลุล่วงเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันทั้ง 3 พันธมิตรดังกล่าวได้เลิกราจากดัทช์บอยไปแล้ว โดยปรีชาได้เปลี่ยนกลยุทธ์ที่หวังจะใช้ทีมงานใหม่ของตัวเองมาดำเนินการด้านเอเยนต์ให้ได้เป้าตามที่ต้องการ

ก้าวย่างสำคัญอีกครั้งหนึ่งก็ได้เริ่มในกาลต่อมา เมื่อปรีชามองเห็นว่า เมื่อคิดจะทำการใหญ่กว่านี้ หากยังมีข้อด้อยด้านการเงินเสียแล้ว สิ่งที่คิดไว้ก็ยากจะเกิดขึ้น การชักนำสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารทหารไทย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จีเอฟ จำกัด บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ คาเธ่ย์ทรัสต์ จำกัด ให้เข้ามาถือหุ้นในบริษัทแอดวานซ์ฯ บริษัทละ 10% จึงได้เกิดขึ้น จากจุดนี้เองก็ทำให้แผนการที่จะขยายกำลังสีดัทช์บอยให้เป็น 3 ล้านแกลลอน ณ โรงงานแห่งใหม่ที่บางปะอิน รวมถึงแปนการที่จะผลักดันบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็จะดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น

แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับปรีชาให้ความเห็นว่า ที่มาของการได้เข้าไปเจรจาชักนำสถาบันการเงินทั้ง 3 ครั้งนี้นั้น เป็นเพราะปรีชาผู้นี้มีความถนัดด้านกีฬากอล์ฟอยู่บ้าง การเข้าไปร่วมก๊วนกับผู้นำธุรกิจสาขาต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องยาก อันนำมาซึ่งการเข้าไปรู้จักกับผู้บริหารระดับสูงของ 3 สถาบันการเงินในที่สุด

ถัดจากนั้นก็มาถึงงานสำคัญที่ปรีชาจะต้องขอเข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์กับค่ายใหญ่ในวงการ เริ่มจากปูนซีเมนต์ไทย โดยเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาด้วยการใช้สายสัมพันธ์จากเพื่อนผู้รู้จักกันมาเป็นเวลานานและทำงานอยู่ในปูนซีเมนต์ไทย ทำให้เขาได้เข้าเจรจาและมอบหมายให้บริษัทค้าสากลซีเมนต์ไทย (เอสซีที) เป็นตัวแทนจำหน่ายสีดัทช์บอยในเวียดนาม ซึ่งนับว่าเป็นสีเจ้าแรกที่เข้าไปบุกเวียดนาม โดยมีค่ายใหญ่หนุนหลังอยู่เช่นนี้ จากความสัมพันธ์ขั้นต้นนี้เอง ได้กระชับแน่นในเวลาต่อมา จนมาถึงการร่วมทุนระหว่างแอดวานซ์เพนท์กับบริษัทปูนซีเมนต์ไทย ในการตั้งโรงงานผลิตสีดัทช์บอยขึ้นที่เวียดนาม ซึ่งชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเปิดโรงงานในคราวที่ไปเยือนอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้

อีกค่ายหนึ่งที่เป็นเป้าหมายต่อไปของปรีชาที่จะต้องเข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วยคือเครือเจริญโภคภัณฑ์ ปรีชาก็อาศัยกลยุทธ์ในการเข้าเจรจากับกลุ่มต่างๆ ในอดีต มาใช้ในกรณีนี้อีกครั้ง ว่ากันว่า เมื่อธนินทร์ เจียรวนนท์ พบหน้าปรีชา และเจรจาตัวต่อตัวกันพักเดียวเท่านั้น ก็ยินดีที่จะร่วมลงทุนด้วย จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ในการช่วยให้เครือเจริญโภคภัณฑ์มาร่วมลงขันในการตั้งโรงงานผลิตสีดัทช์บอยขึ้นที่ประเทศจีน ซึ่งจะก่อสร้างเร็วๆ นี้

และครั้งล่าสุดที่ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการเชื้อเชิญให้จอร์ช บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาร่วมฉลองความสำเร็จสีดัทช์บอยในเมืองไทย ถือได้ว่าเป็นการเสริมภาพพจน์ครั้งสำคัญให้คนทั่วไปรู้จักสีดัทช์บอยมากยิ่งขึ้นอีก

จากความสำเร็จของสีดัทช์บอยในวันนี้ ซึ่งสามารถดึงค่ายใหญ่อย่างเช่นปูนซีเมนต์ไทยและเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ด้วย ซึ่งคงจะมีโครงการใหญ่ร่วมกันอีกในอนาคตอันใกล้ แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดปรีชาให้ความเห็นว่าเป็นเพราะปรีชารู้จักใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ในการเจรจากับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี รู้จักแข็งกร้าวและผ่อนสั้นผ่อนยาวตามสถานการณ์ที่จะเป็นไป

"แต่เขาก็คล้ายคลึงกับนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาด้วยลำแข้งของตัวเอง ที่มักจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความคิดส่วนตัว ดังนั้นคงจะมีข้อเสียในการดำเนินการอยู่บ้าง โดยเฉพาะทิศทางของบริษัทในช่วงต่อไป ระดับบริหารทุกคน จะไม่ค่อยทราบกันมานักจะมีแต่เพียงปรีชาเท่านั้นที่รู้เรื่องเหล่านั้นเป็นอย่างดี"

ทางด้านปรีชาก็ได้ให้ข้อสรุปเกี่ยวกับก้าวย่างของตนเองว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีวันนี้นั้น หลักการเจรจาต่อรองแบบตัวต่อตัว ดูจะเป็นสิ่งที่ปรีชาเคร่งครัดมากที่สุด โดยปรีชาจะให้ความสำคัญกับผู้เจรจาด้วยอย่างเต็มที่ จะไม่มีการเจรจาทางโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด

"แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่น้อยประการใด ผมก็จะไม่ใช่วิธีนั่งโต๊ะเจรจาเพียงอย่างเดียวเพื่อให้เห็นปฏิกริยาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ซึ่งเราสามารถผลักดันสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง และเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน"

ดัทช์บอยกับความสำเร็จวันนี้ จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสีเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่กลยุทธ์การเจรจาต่อรองของคนที่ชื่อปรีชาเป็นสำคัญด้วย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.