KPN หันเน้นส่งออกชิ้นส่วนดึงยักษ์ขนส่งเบอร์ 7 โลกร่วม


ผู้จัดการรายวัน(20 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

กลุ่ม “เคพีเอ็น” ปรับแผนธุรกิจในส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ หันเน้นส่งออกหลบปัจจัยเสี่ยงการเมือง-เศรษฐกิจในไทย เพิ่มสัดส่วนเป็น 40% จากปัจจุบัน 20% ล่าสุดคว้าออเดอร์ส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ทั่วโลก มูลค่า 300 ล้านบาทต่อปี แถมได้บิ๊กล็อตจากค่ายรถบิ๊กทรี มูลค่า 150 ล้านบาทต่อปี ขณะที่บริษัทลอจิสติกส์ในเครือเคพีเอ็นเนื้อหอม ยักษ์ใหญ่อันดับ 7 ของโลกจากออสเตรเลีย “ทูลล์ ลอจิสติกส์” โดดเข้ามาถือหุ้น มั่นใจผลประกอบการในกลุ่มยานยนต์ปีนี้พุ่ง 3,300 ล้านบาท จากปีที่แล้วทำได้ 2,400 ล้านบาท

นายกฤษณ์ ณรงค์เดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเคพีเอ็น เปิดเผยว่า ธุรกิจของเคพีเอ็นในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ มีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มียอดสั่งซื้อชิ้นส่วนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป ที่จะเริ่มมีการับรับรู้รายได้จากการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ ไปให้กับลูกค้ารายใหม่จากหลายประเทศทั่วโลก

“ปัจจุบันเคพีเอ็นมีสัดสวนการส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ประมาณ 20% แต่เนื่องจากปัจจัยความผันผวนต่างๆ ภายในประเทศ และโดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นเหล็ก ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เราต้องปรับสัดส่วนการส่งออกเป็น 40% ใกล้เคียงกับตลาดในประเทศ เพื่อให้เกิดความสมดุลทางบัญชี และเกิดผลดีกับประเทศ”

ทั้งนี้สำหรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) ได้รับงานจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกา, ยุโรปตอนเหนือ, อินเดีย และจีน สั่งซื้อชิ้นส่วนเหล็กทุบขึ้นรูปและแมชชีนนิ่ง มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี โดยได้เริ่มส่งชิ้นส่วนไปแล้วเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา และบริษัท เคพีเอ็น พลาสติก จำกัด (มหาชน) ได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของอเมริกา มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้บริษัท เคพีเอ็น เอสที ลอจิสติกส์ จำกัด ได้รับแจ้งจากหุ้นส่วนสิงคโปร์ ถึงการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ทูลล์ ลอจิสติกส์ (ประเทศออสเตรเลีย) จำกัด บริษัทลอจิสติกส์รายใหญ่อันดับ 7 ของโลก เข้ามาถือหุ้นในส่วนของผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ ทำให้เกิดผลดีกับเคพีเอ็น เอสที ลอจิสติกส์ ในการเพิ่มฐานลูกค้า โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 800 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 3 เท่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

นายวันชัย คหะแก้ว กรรมการผู้จัดการ กลุ่มเคพีเอ็นออโมทีฟ ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด(มหาชน), บริษัท เคพีเอ็น พลาสติก จำกัด (มหาชน) และบริษัท เคพีเอ็น เอสที ลอจิสติกส์ จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า แม้ขณะนี้ปัจจัยลบภายในประเทศ จะส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่กลุ่มเคพีเอ็นได้มีการปรับบทบาทหันไปเน้นตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของเคพีเอ็นปีนี้ จะรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้

“ผลจากขยายตลาดส่งออกมากขึ้น และได้ร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติรายใหญ่ระดับโลก ทำให้มั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้ รายได้ของเคพีเอ็นในส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 3,300 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้กว่า 2,400 ล้านบาท”

โดยเฉพาะบริษัทเคพีเอ็นออโตโมทีฟ ที่มียอดสั่งซื้อจากต่างประเทศมีมากขึ้นเรื่อยๆ และส่วนใหญ่เป็นบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของโลก อย่างคำสั่งซื้อล่าสุดมาจากบริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ ที่สั่งชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อน รวมถึงบริษัทรถยนต์ในยุโรป ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ถึง 1,300 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาทำได้ 1,100 ล้านบาท

ส่วนบริษัทเคพีเอ็นพลาสติก แม้จะเน้นตลาดภายในประเทศเป็นหลัก และลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีลูกค้ารายใหญ่ คือ ยามาฮ่า และฮอนด้า ซึ่งปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์ยังไปได้ดี ทำให้ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 850 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ประมาณ 750 ล้านบาท และจากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนประกอบรถเอสยูวี 1 ใน 3 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า ส่งผลให้รายได้ปี 2550 น่าจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท

สำหรับการเข้ามาถือหุ้นของบริษัท ทูลล์ โลจิสติกส์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์อันดับ 7 ของโลก ในสัดส่วนของผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ ที่มีหุ้น 46% ในบริษัท เคพีเอ็น เอสที ลอจิสติกส์ (กลุ่มเคพีเอ็นถือหุ้นใหญ่ 54%) เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในแง่การขยายฐานลูกค้า และเทคโนโลยีที่จะได้รับจากทูลล์ฯ เฉพาะปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 800 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว ซึ่งทำได้ 600 ล้านบาท

อนึ่งกลุ่มเคพีเอ็น แบ่งงานบริการบริหารงานออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ คือ กลุ่มธุรกิจยานยนต์ (เคพีเอ็นออโตโมทีฟ), กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์, กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจอินเวสต์เมนต์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.