โครงการ " กฤษดาไรเวทเลค & พาร์ค" หรือโครงการกฤษดานคร 31
โครงการบ้านบนเกาะ และสวนสวยส่วนตัวบนถนนปิ่นเกล้านครชัยศรี ของบริษัทกฤษดา
มหานคร จำกัด (มหาชน) เปิดโครงการเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2538
ปรากฏว่าได้สร้างความฮือฮาให้เกิดขึ้นในวงการที่อยู่อาศัย และเป็นหัวข้อวิพากษ์กันในหมู่เจ้าของโครงการเป็นอย่างมาก
เพราะภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ บ้านจำนวน ประมาณ 300 ยูนิต ในพื้นที่ทั้งหมด
400 ไร่ ราคา 3 ล้าน บาทขึ้นไป สามารถขายได้เกือบหมด ในมูลค่าประมาณ 1,500
ล้านบาท และหลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน ถ้าหากคุณเข้าไปขอซื้อจะพบว่ามีที่ดินเหลือขายเพียง
2 แปลงเท่านั้นจากจำนวน 300 กว่าแห่ง
เป็นปรากฏการณ์สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจที่น่าสนใจยิ่ง
ก่อนหน้านั้น เมื่อประมาณปลานปี 2537 โครงการ กฤษดาวิตี้เลค&พาร์ค
ซึ่งเป็นบ้านริมทะเลสาบ ราคาขาย 2.5 ล้านบาท ขึ้นไป บนถนนบางนา-เทพารักษ์
( กฤษดานคร30) ก็สามารถสร้างยอดขายได้รวดเร็วจนเป็นที่พูดถึงมาแล้วเช่นกัน
ทั้ง 2 โครงการ พุ่งเป้าไปยังกลุ่มลูกค้าระดับบนอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสความต้องการของตลาดที่เป็นกลุ่มของผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
โดยเน้นในเรื่องของธรรมชาติมากขึ้น บ้านริมทะเลสาบและบ้านบนเกาะกลางทะเลสาบคือจุดขายสำคัญ
จากความสำเร็จที่รวดเร็ว ในช่วงเวลาที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงนี้เอง ทำให้กฤษดานคร
มั่นใจในคอนเซ็ปต์เดิมเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2538 จึงได้เปิดโครงการใหม่ขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องคือ
" กฤษดา มารีน่า ไอส์แลนด์" (กฤษดานคร 32) ในรูปแบบของบ้านแบบมารีน่า
แนวคิดใหม่บนเกาะส่วนตัว บนถนนบางนาตราดกม.ที่ 48 ติดแม่น้ำบางปะกง
โครงการนี้อยู่ในเนื้อที่ 120 ไร่ โดยหวังจับกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้สูงเช่นเดิม
แต่จากทำเลที่ติดแม่น้ำ และค่อนข้างไกลออกไป ถ้าเป็นบ้านราคาแพงและเป็นบ้านหลังแรก
เช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ ที่สร้างขายมาแล้ว ผู้บริหารคาดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการขาย
จึงได้เปลี่ยนแนวความคิดใหม่เป็นบ้านหลังที่ 2 เพื่อการพักผ่อนแทน โดยแบ่งออกเป็น
2 โซน คือ ไอส์แลนด์มารีน่า ซึ่งเป็นบ้านบนเกาะส่วนตัว จำนวน 117 แปลง และเอ็กซ์คลูซีฟ
มารีน่า บ้านในสวนสวยอีก 50 แปลง โดยลูกค้าในโครงการนี้สามารถแล่นเรือออาจากท่าเรือไปสู่อ่าวไทยได้
ด้วยจุดขายที่พิเศษเช่นนี้เอง กฤษดามารีน่า ไอส์แลนด์ เลยมีราคาที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก
คือในส่วนของไอส์แลนด์มารีน่ามีบ้านให้เลือก 7 แบบ ที่ดินตั้งแต่ 80 ตารางวา
ถึง 400 ตารางวา ราคาประมาณ 6-30 ล้านบาท ส่วนเอ็กซ์คลูซีฟ มารีน่ามีแบบบ้าน
4 แบบ ขนาดที่ดินตั้งแต่ 60 ตาราวา-200 ตารางวา ราคา 3-8 ล้านบาท
จะว่าไปแล้ว บริษัทกฤษดานคร มีบ้านริมทะเลสาบมาเกือบทุกโครงการ ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี
2541 แคมเปญโฆษณา " ซื้อบ้านแถมเรือ" เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นของค่ายนี้มานาน
จากรูปแบบสร้างบ้านติดทะเลสาบก็ค่อยพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็นโครงการบ้านบนเกาะส่วนตัว
และปรากฏชัดที่สุดในโครงการที่ 31 และถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นในโครงการที่ 32
อาคม เอื้องศิริรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการ ให้ความเห็นกับผู้จัดการ ว่า
บริษัทมองเห็นความต้องการของกลุ่มลูกค้าชัดเจนขึ้นว่านับวันกลุ่มลูกค้าต้องการสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นมีทะเลสาบ
มีสวนสวย
"และสินค้าตัวไหนถ้าลูกค้าระดับบนถูกใจแล้วจะมีกำลังซื้อโดยไม่มีขีดจำกัด"
อาคมย้ำ
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้โครงการหลัง ๆ ของกฤษดา มหานคร ประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็ว
ไม่ว่าสภาพการแข่งขันจะหนักหนาเพียงใด คือไอเดียในการทำหนังโฆษณา
หลายคนคงจำได้ถึงโฆษณาในโครงการกฤษดานคร 30 ที่เป็นรูปของผู้บริหารบริษัทกำลังนั่งประชุมกันข้างหน้าคือ
แผนผังโครงการที่มีรูปบ้านเต็มแน่นไปหมดและมีการกวาดบ้านพวกนั้นออกไป แล้วดีไซน์ใหม่
ใส่น้ำ ใส่สวนเข้าไปเพื่อลดความหนาแน่นของโครงการลง
ในโครงการกฤษดานคร 31 ก็จะเน้นในเรื่องของบ้านติดสวน บ้านติดทะเลสาบ และเป็นบ้านบนเกาะใน
กทม. ให้พื้นที่ส่วนกลาง 40%
ส่วนโครงการที่ 32 ก็จะให้เห็นภาพของศักยภาพบนถนนบางนาตราด ด้วยการถ่ายภาพลงมาจากเฮลิคอปเตอร์เห็นทิวทัศน์ของมารีน่า
และบ้านบนเกาะที่มีรูปแบบเปิดโล่งสวยงาม
ทั้ง 3 ชิ้นเป็นโฆษณาที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากตรงกับใจผู้มีรายได้สูงซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม
และต้องการความหรูหรา
พิภพ บุษราคัมวดี ผู้อำนวยการสายการตลาด เป็นผู้มีบทบาทอย่างมากในแผนงานรณรงค์โฆษณาทั้ง
3 ชุดนี้ พิภพเพิ่งมาเริ่มงานกับบริษัทกฤษดามหานคร ได้ไม่ถึงปีก่อนหน้านี้
เขาเป็นอาร์ตไดเร็กเตอร์ และครีเอทีฟ อยู่ที่บริษัทโอกิลีแอนด์แมทเธอร์ และไปร่วมงานกับสมประสงค์กรุ๊ปอยู่ประมาณ
5 ปี เริ่มจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายโฆษณา ตำแหน่งล่าสุดก่อนออกมาคือกรรมการบริหารบริษัท
หลังจากเปิดขายโครงการล่าสุดที่บางประกงมาเกือบ 1 เดือน พิภพ เปิดเผยว่าลุกค้าส่วนใหญ่ชอบบ้านบนเกาะมากขนาดของบ้านที่ซื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่
120-200 ตารางวา ราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไป จากการที่เป็นโครงการใหญ่และราคาแพงมากนี้เองทางบริษัทเลยได้ตั้งระยะเวลาของการขายไว้ถึง
2 ปี
ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในโครงการของบริษัทกฤษดานครได้ย้ำชัดว่าถึงแม้บ้านราคาล้านกว่าบาท
และคอนโดฯ ราคา 4-5 แสนบาท เป็นโครงการที่ตลาดมีความต้องการมากที่สุดก็ตาม
ในขณะเดียวกันความต้องการซื้อบ้านราคาสูง ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่เป็นช่องว่างที่บริษัทพัฒนาที่ดินต้องเข้าไปให้ถึงเท่านั้นเอง