ธุรกิจกุมขมับ“กำไรหาย-รายได้หด” ปรับทิศครึ่งปีหลังวุ่น ลดเป้าโตหั่นรายได้


ผู้จัดการรายวัน(18 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ส่องกล้องมองครึ่งปีแรก ทุกธุรกิจทั้งคอนซูเมอร์ เครื่องดื่ม คอสเมติกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า กุมขมับ ทั้ง ยอดขาย -กำไร วูบไปตามๆกัน เหตุ ปัจจัยลบเดิมๆที่ยังไม่หมดฤทธิ์ ต้องปรับเกมจ้าละหวั่น ลดอัตราการเติบโตรายได้ หั่นเป้ายอดขายลง กันถ้วนหน้า ซ้ำร้ายครึ่งปีหลังสถานการณ์ยังไร้วี่แววในทางดี ต้องเหนื่อยหนักอีก

ตลอดช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ แวดวงธุรกิจของภาคเอกชน ต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ต่างๆที่กระหน่ำใส่ ทั้ง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนตัวลง ดอกเบี้ยขยับตัวขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง กระทั่งปัญหาทางด้านการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ รายได้ของธุรกิจอย่างหนักหน่วง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางด้านการเมือง ที่ยังมีความขัดแย้งกันของแต่ละฝ่าย การเลือกตั้งที่ยังไม่มีใครการันตีได้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ตามที่คาดการณ์ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เป็นหมัดหนักที่อัดใส่ภาวะเศรษฐกิจอย่างแรง การเป็นรัฐบาลรักษาการนานๆของพันตำรวจโททักษิณ ชินสวัตร หาใช่สิ่งดีไม่ นักลงทุนต่างประเทศจะเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุน เพราะว่า การตกอยู่ในห้วงของ “สุญญากาศ” แบบนี้ ไม่มีประโยชน์แน่นอน

หลายบริษัทฯที่ต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ทั้งปีนี้ลง หรือไม่ก็พยายามรักษาระดับการเติบโตให้เท่าและใกล้เคียงกับปีก่อนก็ถือว่าเก่งแล้ว เพราะช่วงครึ่งปีแรกนี้ แวดวงธุรกิจการตลาดต่างกุมขมับกันเป็นทิวแถวกับตัวเลขที่เกิดขึ้น

“ผู้จัดการรายวัน” พยายามฉายภาพให้เห็นถึง ภาวการณ์ “รายได้หาย กำไรหด” แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็สามารถตอกย้ำถึงสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลรักษาการของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้อย่างดี

คอนซูเมอร์สะดุดเศรษฐกิจ

บิ๊กบอสที่พูดเสียงดังฟังชัดและสั่นสะเทือนมากที่สุดก็คือ นายบุญยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ที่กล่าวแบบเบรกแตกไม่นานนี้ว่า การทำธุรกิจทุกวันนี้ สิ่งดีที่สุดคือ นิ่ง แบบ wait and see เพราะเศรษฐกิจไทยตอนนี้อยู่ในภาวะที่เสี่ยงอย่างมาก ต้องประเมินกันแบบวันต่อวัน เหมือนกับรัฐบาลกำลังขับรถลงเขาแต่ขับไม่เก่งจึงอันตราย ส่วนปัญหาทางด้านการเมืองนั้น การยุบพรรคเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้องมาแก้ที่ต้นเหตุคือตัวบุคคล

ทว่า นายบุญยสิทธิ์มิได้ระบุว่า ตัวบุคคลคนนั้นคือใคร

นายบุญยสิทธิ์กล่าวว่า เครือสหพัฒน์ต้องเน้นการทำตลาดในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการลดต้นทุนและการพัฒนาอินโนเวชั่นใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งเป้าหมายรายได้ปีนี้ก็คงเติบโตแค่ 10% เท่านั้น น้อยกว่าช่วงปีที่แล้ว

ขณะที่ซัปพลายเออร์ต่างประเทศอย่างยูนิลีเวอร์ ก็อดที่จะปรับเกมการรุกใหม่ไม่ได้ หลังจากช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมายอดขายรวมของยูนิลีเวอร์ตกลงอย่างเห็นได้ชัดจากกำลังซื้อที่หายไปและภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลง

นายลออิค ทาร์ดี ประธานกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ยอมรับว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้ ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเติบโต 7 % น้อยกว่าปีที่แล้วที่เติบโต 8%

อีกค่ายอย่างเนสท์เล่นั้น ต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ตามโมเดลของเนสท์เล่ทั่วโลกที่แย่งออกเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มไอศกรีม,กลุ่มน้ำดื่ม,กลุ่มอาหารบำรุงสุขภาพ,กลุ่มผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง,กลุ่มอาหารเช้าซีเรียลและกลุ่มขายของชำ โดยขึ้นตรงต่อต่างประเทศ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นจะขึ้นตรงต่อ นายเกรแฮม แคมพ์เบลล์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มเนสท์เล่ ประเทศไทย จากเดิมโครงสร้างองค์กรเนสท์เล่ในประเทศไทย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มแบ่งเป็น 12 แคธิกอรี่

นายแคมพ์เบลล์ กล่าวว่า ปีนี้ยังไม่มีแผนลงทุนโครงการใหม่ๆที่ใช้งบประมาณมาก แต่จะเน้นการพัฒนาและหาพลังงานอื่นมาใช้ทดแทน เพราะบริษัทฯไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแต่เน้นการบริหารต้นทุนแทน พร้อมกับการคุมเข้มใช้งบตลาดมากขึ้น สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 8% หรือมีรายได้ 29,160 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมาเนสท์เล่มีรายได้รวม 27,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 7%

บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารจากประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกรายที่ออกอาการเหนื่อย โดยนายพิเชียร คูสมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มจะหดตัวลงเท่ากับจีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ที่ประมาณการว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 4 -4.5% เมื่อเทียบกับปีที่ 2548 ตลาดอาหารและเครื่องดื่มมีอัตราการเติบโตเท่ากับจีดีพีของประเทศ คือ 5.5%

ผลกระทบดังกล่าวทำให้ ครึ่งปีแรกนี้ยอดขายของบริษัทฯโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 10% ทั้งนี้ต้องปรับเกมบุกในช่วงครึ่งปีหลังใหม่ ที่หันมาเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์กับตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพราะตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยังได้ปรับระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนดำเนินการ

หม่อมราชวงศ์สุภาณี ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำมันพืชทิพ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายน้ำมันพืชทิพ เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะไม่เติบโตคือประมาณ 700 ล้านบาทเท่ากับปีที่แล้ว เพราะ บริษัทฯได้ลดขนาดการทำธุรกิจในส่วนของการส่งออก และภาคอุตสาหกรรมลง

โดยหันมาให้เน้นตลาดน้ำมันพืชสำหรับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 50% เป็น 70% และได้ปรับลดการทำตลาดน้ำมันพืชสำหรับอุตสาหกรรมจาก 50% เป็น 30% เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขณะที่การส่งออกน้ำมันพืชก็ประสบปัญหาในเรื่องของตราสินค้าที่ไม่เป็นที่รู้จัก โดยล่าสุดเปิดตัวซับแบรนด์ “ทิพไวส์” ลงตลาดคาดหวังรายได้ปีแรก 280 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของรายได้รวม

นายเพชร พะเนียงเวทย์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมามาม่าเติบโตแค่ 5% เท่านั้น ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าตลาดบะมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยรวมที่โตปรกติ 9% เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และการแข่งขันด้านราคาจากคู่แข่งในตลาดด้วย

เครื่องใช้ไฟฟ้าร้อนผ่าว

นายอดิศักดิ์ เธียไพรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด ผู้ทำตลาดแอร์บ้าน ฟูจิตสึ กล่าวว่า แม้ว่าไตรมาสแรกบริษัทฯจะมีการเติบโตมากกว่า 25% แต่เมื่อไตรมาสที่สองกลับมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะตลาดโครงการที่ลดลง 5% เพราะตลาดโครงการเช่น บ้านจัดสรรนั้นเปิดตัวน้อยลง จากที่บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้จากตลาดกลุ่มโครงการนี้ 30% และตลาดบ้าน 70%

นายคณาธิป เจริญสิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไพโอเนียร์ อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทฯช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ตกลงประมาณ 10% ซึ่งเป็นไปตามภาวะการณ์ตลาดรวมของเครื่องเสียงที่ตกลงกว่า 20% เพราะภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหา ทำให้ต้องทุ่มงบตลาดรวมกว่า 120 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งหลัง

นายนพชัย วีรมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการายวัน” ว่า จากช่วงครึ่งปีแรกนี้ยอดขายเครื่องทำความเย็นของบริษัทฯไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะผู้บริโภคชะลอการซื้อเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยทั้งปีตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 160 ล้านบาท ทำให้จากนี้ต้องมุ่งเน้นทำตลาดส่งออกเพื่อเป็นการชดเชยรายได้แทน

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด เปิดเผยว่า ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ รวมบริษัทในเครือกว่า 10 แห่ง มารวมเป็นบริษัทเดียว เพราะต้องการลดต้นทุนในช่วงที่เศรษฐกิจและต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ส่วนเป้าหมายยอดขายปีนี้คาดว่าจะไม่มีการเติบโต และพยายารักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีกว่า 6 แสนราย รวมทั้งต้องนำเสนอสินค้าใหม่ทุกเดือนเพื่อกระตุ้นการซื้อ ขณะที่ปีที่แล้วรายได้มีอัตราการเติบโตมากถึง 20-30%

เครื่องดื่ม สำลักพิษปัจจัยลบ

ทางด้านธุรกิจเครื่องดื่ม โดย นายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ยอมรับว่า แม้ว่ายอดขายเครื่องดื่มของกลุ่มโค้ก ครึ่งปีแรกจะเติบโต 3-5% แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้อยู่ดี เพราะต้องเจอกับปัจจัยลบมากเช่น ราคาน้ำมัน ฝนตกตลอด และการปรับราคาขึ้นของเครื่องดื่มน้ำอัดลม

ส่วนทางด้านนายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ เปิดเผยว่า ตลาดรวมชาเขียวตกลงมากถึง 30% ในไตรมาสแรกปีนี้ ส่งผลให้ทั้งปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะเติบโตอย่างเก่ง 10-20% เท่านั้นเอง สิ่งที่โออิชิมุ่งเน้นในปีนี้คือพยายามรักษายอดขายเอาไว้ให้มากที่สุด และคาดว่ากำไรของปีนี้อาจจะลดลงบ้างเมื่อเทียบจากปีที่แล้ว

นายตุลย์ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป การจัดการธุรกิจและการตลาดบริษัท เซเรบอส(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซุปไก่และรังนก “แบรนด์” เปิดเผยว่า บริษัทฯอาจจะต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตของปีนี้เหลือประมาณ 10% จากเดิมเมื่อต้นปีตั้งการเติบโตไว้ที่ 15% เพราะว่าช่วงต้นปีถึงเวลานี้ยอดขายยังต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กำลังซื้อผู้บริโภคลดน้อยลง และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วยจากภาวะเศรษฐกิจคาด

คอสเมติกส์ แต่งสวยไม่ออก

นายสมพงษ์ ตันติวิไลศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดว๊านส์ คอสเมติคส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอสเมติคส์ ซิทอเวย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นกว่า 10% ทำให้ต้องปรับราคาตามด้วย แต่การขายก็ลำบากเพราะผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้ครึ่งปีหลังต้องใช้งบ 40 ล้านบาทกในการรุกตลาดเต็มที่หลังจากที่ครึ่งปีแรกยอดขายต่ำกว่าที่วางไว้เพราะโตแค่ 15%

ขณะที่นางสาวภาศิกา ศิลปาจารย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอลวีเอ็มเอช เพอร์ฟูม แอนด์ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำว่า การเติบโตในภาพรวมของตลาดเครื่องสำอางครึ่งปีแรกนี้มีเพียง 5-6% ต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่เติบโต 8-9% ซึ่งสาเหตุหนึ่งคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

นายโชคชัย รัตนวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องสำอางโคเซ่จากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายไตรมาสแรกมีการเติบโตเพียง 115% จากเดิมตั้งไว้ 120% เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง และกำลังซื้อของลูกค้าที่มีต่อเครื่องสำอางโคเซ่พบว่าตกลงบ้าง จากเดิมค่าใช้จ่ายของลูกค้าต่อคนจะมีประมาณ 5,000 บาทต่อครั้ง แต่ปัจจุบันการซื้อเครื่องสำอางมีความถี่ช้าลง

โดยยอดขายของบริษัทฯช่วงครึ่งปีแรกตั้งเป้าหมายการเติบโตลดลงจากเดิม 20% เป็น 15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและรอดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลก่อน จากนั้นถึงจะมีการตั้งเป้ายอดรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะไปในทิศทางใด

นายพฤศกร เต็งอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุยเฮงอิมพอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา ยอดขายรวมของบริษัทฯไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยอดรายได้บริษัทฯปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ คิดเป็นสัดส่วนหลัก 80-90% และที่เหลือเป็นรายได้จากเวชสำอาง เช่น อเมลา-เอ็กซ์ ซึ่งปีนี้บริษัทฯคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกวางตลาดจะสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.