KMCคุยฟุ้งปี49พลิกขาดทุนเป็นกำไรหลังคุมต้นทุนอยู่-ธุรกิจขยายตัวดีขึ้น


ผู้จัดการรายวัน(7 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

" KMC" ยันยอดขายปี 49 ที่ 1,800-2,000 ล้านบาท หลังมีโครงการในมือทยอยเปิดต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ทั้งปีพลิกเป็นกำไร หลังธุรกิจขยายตัวดี และบริษัทคุมทุนได้ลงตัว พร้อมเล็งปรับราคาบ้านในครึ่งปีหลังเพิ่ม 10% ตามต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างและน้ำมันพุ่ง เผยส.ค.นี้เตรียมประชุมบอร์ดพิจารณาแผนล้างขาดทุนสะสม 3,000 ล้านบาท

นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่าในปี49 น่าจะได้เห็นผลประกอบการบริษัทฯกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้ง หลังจากปี48 ผลประกอบการของบริษัทฯขาดทุนสุทธิถึง 2,411.51 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจยังขยายตัวดี ขณะที่บริษัทฯมีการควบคุมและบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยบริษัทฯยังคงเป้ายอดขายปีไว้ที่ 1,800 -2,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ บริษัท มีโครงการในมือที่เตรียมเปิดขายและทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ KMC มีแผนจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 - 3 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 3,000- 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อก็ตาม อย่างไรก็ตามผลประกอบการไตรมาส2 ของปี49นี้ มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย สถานการณ์การเมือง รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังมั่นใจว่าไตรมาส 2ของปีนี้จะสามารถทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิถึง 66.81 ล้านบาท

สำหรับโครงการใหม่2 - 3 โครงการที่จะมีการเปิดเพิ่มในครึ่งปีหลัง ประกอบด้วยโครงการวงแหวน - อ่อนนุช เป็นบ้านเดี่ยวที่มีมูลค่าโครงการรวมมากกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น3เฟส โดยเฟสแรกจะเปิดตัวในเดือนส.ค.นี้ โดยจะเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 80 ยูนิต และเฟส 2 เตรียมเปิดช่วงปลายปีนี้ ส่วนเฟสที่3จะเปิดตัวในปี50 นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษกในโครงการเดอะคริสมูลค่ากว่า 1,000ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 8 อาคาร โดยเตรียมเปิดขายตุลาคม - พฤศจิกายนนี้

"บริษัทยังไม่มีแผนจะเลื่อนเปิดโครงการใหม่ โดยในส่วนโครงการวงแหวน-อ่อนนุชมีทั้งหมด 3 เฟส ซึ่งเปิดขายเฟส 1 และ2 ปีนี้เป็นบ้านเดี่ยว ส่วนเฟส 3 คงเปิดปีหน้า ซึ่งอาจมีการทบทวนอีกทีว่าเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือคอนโดฯส่วนคอนโดฯที่รัชดาฯมีทั้งหมด 8 อาคารก็ทยอยเปิดเรื่อยๆ"นายวิรัตน์ กล่าว

นายวิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทฯเตรียมประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาแผนการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ยังไม่มีแนวทางล้างขาดทุนสะสมชัดเจน เนื่องจากต้องรอผลการเข้าประชุมเดือนหน้าก่อน อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้อาจลดลงเหลือเพียง 25% ขณะที่ปีก่อนหน้ามีอัตราการเติบโตกำไรระดับ 30% ซึ่งกำไรเบื้องต้นที่ลดลงดังกล่าวเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ต้นทุนขยับสูงขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับ 3 :1 เท่า ซึ่งบริษัทฯจะพยายามรักษาสัดส่วน D/E ดังกล่าวไม่ให้สูงจนเกินไป เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและลงทุนธุรกิจ

นายวิรัตน์ กล่าวว่า ราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯขยับเพิ่มในสัดส่วนประมาณ 10% โดยบริษัทฯมีแผนปรับราคาขายโครงการคอนโดมิเนียม เดอะ คริส และโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ ในครึ่งปีหลังเพิ่มอีก 10% เพื่อให้สอดคล้องต้นทุนใหม่ ส่วนบ้านเดี่ยวในโครงการวงแหวน - อ่อนนุชจะยังคงราคาเดิมไว้ เนื่องจากเป็นสต็อกต้นทุนเก่า

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรชาวต่างประเทศ 2 - 3 ราย เพื่อมาร่วมธุรกิจด้านที่อยู่อาศัย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าเป็นพันธมิตรรายใด โดยเบื้องต้นพันธมิตรอาจเข้ามาร่วมในธุรกิจโรงแรมโครงการกฤษฎาดอย ฉะนั้นพันธมิตรดังกล่าวจะมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างดี โดยขณะนี้ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน แต่คาดว่าในเดือนส.ค. - ต.ค.นี้ นาจะมีความชัดเจนมากขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.