เอเวอร์แลนด์วิ่งไม่เลิกขึ้นต่อ11%ตลท.รับอยู่ระหว่างการตรวจสอบ


ผู้จัดการรายวัน(5 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นักวิเคราะห์ แนะนักลงทุนขายหุ้นเอเวอร์แลนด์ เหตุราคาหุ้นปรับตัวสูงจากเก็งกำไรออกแผนฟื้นฟูเผยจากที่ผ่านมาหุ้นที่ออกจากแผนฟื้นฟูแล้วการซื้อขายก็จะเบาบางด้านผู้บริหาร คาดรายได้ปีนี้ 700-800 ล้านบาทจากรับรู้รายได้โครงการเดิม

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่าขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์กำลังติดตามการเคลื่อนไหวราคาหุ้นของบริษัทเอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER อย่างใกล้ชิด ซึ่งการเคลื่อนไหวราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่เข้าข่ายในการทำให้ราคาหุ้นมีการซื้อขายผิดปกติจากสภาพการซื้อขายโดยรวม

ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯจึงยังไม่มีการสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน(Net Settlement)และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์(Margin Trading) ในหุ้น EVER

ส่วนบริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือ MMEที่ตลาดหลักทรัพย์ห้ามซื้อขายแบบเน็ตเซทเทิลเมนท์และมาร์จิ้น ซึ่งจะหมดระยะเวลาการห้ามในวันที่ 6 ก.ค.นั้นขณะนี่ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลก่อนที่จะสรุปว่าจะมีการจะขยายเวลาการห้ามซื้อขายหรือไม่

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS เปิดเผยว่า จากราคาหุ้นของบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ EVER ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานแล้ว

ทั้งนี้การที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเรื่องจากออกจากแผนฟื้นฟูกิจการส่วนตัวมองว่าจากหุ้นที่ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมาก็จะมีการเก็งกำไรในระยะแรกแต่เมื่อออกจากแผนฟื้นฟูแล้วราคาหุ้นจะมีการซื้อขายที่ไม่มากโดยบริษัทแนะนำนักลงทุนที่มีหุ้น เอเวอร์แลนด์ให้ขายทำกำไรออกมาส่วนนักลงทุนที่ยังไม่ถือหุ้นควรที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นตัวนี้ซึ่งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทแนะนำซื้อ เช่นหุ้น บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN และบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)หรือ SPALI

แหล่งระดับสูง บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER กล่าวว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจากการที่บริษัทจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทซึ่งขณะนี้ศาลล้มละลายกลางอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยคาดว่าภายในปีนี้แน่นอน

ทั้งนี้บริษัทคาดปี49รายได้รวมจะอยู่ที่ 700-800ล้านบาท โดยรายได้ ส่วนใหญ่มาจากโครงการเก่าจำนวน 3 โครงการ ซึ่งประกอบด้วยโครงการมายวิลล่า บางนามูลค่า 335 ล้านบาท โครงการประชาชื่น มูลค่า 220 ล้านบาทและโครงการเทพารักษ์ มูลค่า 550ล้านบาทและบริษัทมีการบริการต้นทุนการดำเนินงานให้น้อยที่สุดจากที่ภาวะเศรษฐกิจโดยชะลอตัว ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมที่จะปิดการขายให้ได้ภายในปีนี้ ส่วนรายได้ไตรมาส2/49คาดว่าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดี

สำหรับปีนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มและการหาพันธมิตรรายใหม่เข้ามาร่วมลงทุนเนื่องจากในขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดนโยบายในการดำเนินงานที่ชัดเจนและบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการแต่เมื่อบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูบริษัทก็จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ของบริษัทเพื่อกำหนดนโยบายในการดำเนินงานและแผนการลงทุนของบริษัท

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น วานนี้ (4 ก.ค.) ราคาปิดที่ 9 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 11.11% มูลค่าการซื้อขาย 269.08 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.