|
บ.แม่ซีลวาเนียดันเอเชียตลาดอิสระไทยสยายปีกผุดโรงงานรับส่งออก
ผู้จัดการรายวัน(5 กรกฎาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บริษัทแม่ ซีลวาเนีย มองตลาดเอเชียมีศักยภาพ ไม่จำเป็นต้องขึ้นกับตลาดยุโรปอีกต่อไป วางเป้าใน 5 ปี เป็นเอ็นดิพริเด้นท์ ส่วนไทยเตรียมสยายปีกลุยตลาดต่างประเทศเต็มกำลัง หลังมีรายได้ส่งออก 10% เตรียมเดินหน้าเทเม็ดเงินกว่า 40 ล้านบาท ผุดโรงงานประกอบโคมไฟในประเทศ หวังกระตุ้นการส่งออกพุ่งเป็น 20% คาดสิ้นปีมีมาร์จิ้นหดลง สวนการเติบโตพุ่งขึ้น 15% มูลค่าไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เชื่อตลาดหลอดไฟเตรียมขยับราคาแน่ครึ่งปีหลังนี้ หลังโดนพิษต้นทุนกระโดสูงขึ้นกว่า 10%
นายปูมเทพ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีวาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯแม่ กำลังมีแผนที่จะให้ตลาดในอาเซียนบริหารธุรกิจได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรายงานผลกับทางตลาดในกลุ่มยุโรปอีกต่อไป ล่าสุดบริษัทแม่กำลังมีแผนขยายตลาดยังประเทศอินเดีย เพิ่มอีกหนึ่งประเทศ หลังจากที่มีโรงงานการผลิตอยู่ที่ประเทศจีนแล้ว โดยตั้งเป้าว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ ตลาดในกลุ่มอาเซียนจะต้องเป็นเอ็นดพริเด้นท์ หรือ สามารถ บริหารตัวเองลักษณะ สแตนอะโลนเองได้อย่างแน่นอน
ส่วนซีลวาเนีย ประเทศไทย นั้น ขณะนี้ได้รับมอบหมายให้สามารถทำตลาดยังประเทศเพื่อนบ้านได้แล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เช่น ลาว พม่า และเวียดนาม ในขณะที่เวียดนามนั้นบริษัทฯได้เริ่มเข้าไปทดลองตลาด โดยการเข้าไปเปิดออฟฟิศที่ฮานอยแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้การส่งออกในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนกว่า 10 %
ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดโรงงานการประกอบโคมไฟขึ้นด้วย เนื่องจากในขณะนี้บริษัทฯสามารถผลิตวัสดุส่วนประกอบต่างๆได้หลายตัวแล้ว และการเปิดโรงงานดังกล่าวนั้น จะสามารถลดต้นทุนได้ไม่ต่ำกว่า 25-30% และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20 %ใน 2-3 ปีนับจากนี้ เบื้องต้นใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท โดยอาจจะเป็นการเปิดในลักษณะของการสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่หรือการเข้าไปเทคโอเวอร์ก็เป็นได้ หรือแม้แต่อาจจะเข้าไปลงทุนร่วมจอยเวนเจอร์กับผุ้ประกอบการในเวียดนามในการเปิดโรงงานดังกล่าว
ในขณะที่สถานการณ์ตลาดหลอดไฟในประเทศไทยนั้นมองว่า กำลังได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในกลุ่มวัตถุดิบสำหรับทำหลอดไฟและบัลลาส เช่น เหล็ก พลาสติก ทองแดง และซิลิคอน โดยเฉพาะซิคอนและทองแดงนั้น ราคาเพิ่มขึ้นถึง 20% นอกจากนี้ทางโรงงานที่ผลิตให้นั้น ก็ได้ขอปรับราคาขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่สำหรับผู้ประกอบการเองนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขึ้นราคาแต่อย่างไร
เนื่องจากหลอดไฟเป็นสินค้าไกลตัว การปรับขึ้นราคาอาจส่งผลเสียได้ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการตรึงราคาไว้นั้น คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะต้องมีการขยับราคาแน่ แต่จะปรับขึ้นกันเท่าไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงคู่แข่งในตลาดว่าจะเป็นไปในทศทางใด ซึ่งสำหรับบริษัทฯเองนั้น มีแผนที่จะปรับราคาขึ้นเพียง 5% เท่านั้น ในช่วงไตรมาสสามนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% โดยมาจากแผนการทำตลาดทำแคมเปญและผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา เช่น แคมเปญ ชุด “มั่งมีศรีสุข” ช่วงตรุษจีน ส่วนในครึ่งปีหลังนั้น บรัทนจะเน้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับจับตลาดนีชมากขึ้น เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ขั้วทอง รวมไปถึงการจัดแคมเปญ “ทำบุญ 9 วัด ทำทาน 9 โรงเรียน” ช่วงเข้าพรรษานี้ และการส่งเสริมการตลาดเชิงบูรณาการเต็มรูปแบบ โดยบริษัทฯเตรียมงบการตลาดทั้งปีไว้กว่า 60 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมาใช้เพียง 50 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตกว่า 15% มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท มาจากตลาดคอนซูเมอร์ 35% ตลาดโครงการ 30% และขายผ่านเซลล์อีก 35% ในขณะที่มาร์จิ้นจะลดลง เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาที่จะลดลงทุกปี ถึงแม้ว่าตลาดจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ทุกๆปี แต่มูลค่ายังคงเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยซีวาเนียมีแชร์ในตลาดรวมเพียง 14-15% และมีแชรืในตลาดโคมไฟ 20% เท่านั้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|