EVERสุดฮ็อต9วันทำการพุ่ง117%โบรกฯห่วงคุมเสี่ยงสั่งห้ามมาร์จิ้นฯ


ผู้จัดการรายวัน(4 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

หุ้นบริษัท เอเวอร์แลนด์สุดร้อน 9 วันราคาพุ่ง 117.47% ขณะที่วอลุ่มเพิ่มขึ้นสวนทางกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวม เหตุนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาไล่ราคา ปล่อยข่าวเตรียมออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในเดือนก.ค.นี้ โบรกเกอร์หลายแห่งป้องกันความเสี่ยงควบคุมการให้มาร์จิ้น จับตาตลท.อาจจะนำมาตรการห้ามซื้อขายในลักษณะเน็ตเซทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น ถ้าราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ EVER ภายหลังที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วง 9 วันทำการที่ผ่านมา โดยประเด็นสำคัญที่ส่งผลทำให้มีการเข้ามาเก็งกำไรเนื่องจากใกล้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าน่าจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ในเดือนนี้ นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่ามีนักลงทุนรายใหญ่บางกลุ่มพยายามเข้ามาไล่ราคาหุ้น

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น EVER วานนี้ (3 ก.ค.) ราคาปิดที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.85 บาท หรือ 29.60% มูลค่าการซื้อขาย 345.04 ล้านบาท โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นชนซิลลิ่ง ขณะที่ราคา 9 วันทำการย้อนหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.38 บาท หรือ 117.74% โดยหากพิจารณามูลค่าการซื้อขายพบว่าทุกวันจะมีมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต กล่าวว่า ราคาหุ้น EVER ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น เกิดจากการที่นักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันมากเรื่องเตรียมที่จะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในเดือนนี้

ทั้งนี้ราคาที่ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นจังหวะที่ขายทำกำไร เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคให้แนวต้านไว้ที่ 7.60-7.70 บาท และราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงมาได้ที่แนวรับ 5.50-6.0 บาท

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า หุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์ จำกัด(มหาชน)หรือ EVER ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับราคา 4 บาทเศษ จนปัจจุบันนี้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวแล้ว ซึ่งสวนทางกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง แสดงให้เห็นว่าเกิดจากนักลงทุนรายใหญ่ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นนักลงทุนจากหาดใหญ่ เข้าไปไล่ราคาหุ้น โดยได้ปล่อยข่าวเกี่ยวกับการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงทำให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเก็งกำไรตาม

นอกจากนี้การเก็งกำไรของนักลงทุนจะเป็นลักษณะของการซื้อขายแบบเก็งกำไรกันหลายรอบ จนเป็นเหตุให้มูลค่าการซื้อขายมีความหนาแน่น นักลงทุนไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะมีโอกาสที่จะได้รับความเสียหายได้เช่นกัน ขณะเดียวกันโบรกเกอร์หลายแห่งก็เริ่มที่จะควบคุมดูแลการปล่อยมาร์จิ้นในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์แล้ว เพราะมองว่าราคาขึ้นมามากกว่าปัจจัยพื้นฐาน จึงถือว่ามีความเสี่ยง โบรกเกอร์จึงต้องป้องกันตัวเองรวมถึงป้องกันไม่ให้ลูกค้าเก็งกำไรมากเกินไปด้วย และเชื่อว่าถ้าราคาหุ้นยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นต่อไป ก็มีโอกาสที่ตลาดหลักทรัพย์จะสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading)ได้เช่นกัน

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้บริษัทไม่ได้ให้มาร์จิ้น ในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์เนื่องจากเป็นหุ้นกึ่งเก็งกำไร และมีความเสี่ยงที่สูงในการเข้าไปลงทุน

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ควบคุมความเสี่ยงในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์ โดยกำหนด75% จะต้องซื้อขายด้วยเงินสด ส่วนอีก 25% นั้นจะซื้อขายด้วยมาร์จิ้น ซึ่งแต่ละบริษัทหลักทรัพย์จะมีการกำหนดเรื่องมาร์จิ้นที่แตกต่างกัน

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์บริษัทจะให้ซื้อขายด้วยเงินสด 60%และซื้อขายด้วยมาร์จิ้นในสัดส่วน 40%

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทควบคุมการให้มาร์จิ้นในหุ้นบริษัทเอเวอร์แลนด์โดยกำหนดให้ซื้อขายด้วยเงินสด 70% และอีก 30% ให้ซื้อขายด้วยมาร์จิ้นเท่านั้น เพราะถือว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก จึงถือว่ามีความเสี่ยง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.