โบรกฯชี้การเมืองไม่จบฉุดหุ้นรูดต่อQ1บิ๊กแคป-พื้นฐานดีร่วงตามตลาด


ผู้จัดการรายวัน(3 กรกฎาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

40 บริษัทใน SET 50 รูดตามตลาด ไตรมาส2/49 ไอทีวีทรุดหนักสุด 71.25% ตามด้วยยูคอมรูด 30.88% นักวิเคราะห์ระบุตลาดหุ้นไทยขึ้นอยู่ที่อารมณ์ของนักลงทุนเป็นหลัก หุ้นใหญ่พื้นฐานดีก็มีความเสี่ยง ขณะที่บล.นครหลวงไทย ชี้การเมืองไม่นิ่งยังน่าห่วง ชี้เศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากเชื่อปีหน้าตัวเลขเศรษฐกิจแย่

จากการรวบรวมข้อมูลราคาหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET 50 สำหรับงวดไตรมาส 2/49 ที่ผ่านมาพบว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งสูงกว่าการปรับตัวลดลงของดัชนี SET 50 โดยดัชนีปิดที่ 471.54 จุด ลดลง 37.58 จุด หรือ 7.38% เมื่อเทียบกับราคาปิดสิ้นไตรมาส 1/49 ซึ่งดัชนีปิดที่ 509.12 จุด

ทั้งนี้พบว่ามี 10 บริษัทที่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BGH ราคาปิดที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.25 บาท หรือ 21%, บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ราคาปิดที่ 15 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท หรือ 18.11%, บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ราคาปิดที่ 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท หรือ 16.96%, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาปิดที่ 56 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท หรือ 16.67%,บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ราคาปิดที่ 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 8.45%, บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ CP7-11 ราคาปิดที่ 7.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ 8.27%

ขณะที่ราคาหุ้นอีก 40 บริษัทปรับตัวลดลงโดยหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมากที่สุดใน SET 50 คือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ราคาปิดที่ 106 บาท ลดลง 434 บาท หรือ 80.37%, บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ราคาปิดที่ 2.76 บาท ลดลง 6.84 บาท หรือ 71.25%, บริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ UCOM ราคาปิดที่ 35.25 บาท ลดลง 15.75 บาท หรือ 30.88%, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ราคาปิดที่ 62 บาท ลดลง 21.50 บาท หรือ 25.75%, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ราคาปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 25.74%

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จากปัจจัยลบต่างๆที่เข้ามากระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยจนส่งผลทำให้ราคาหุ้นต่างปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก โดยในส่วนของตลาดหุ้นไทยซึ่งเพิ่งพาการปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงของราคาหุ้นขนาดใหญ่ต้องได้รับผลกระทบด้วยเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ไม่มีความมั่นใจต่อสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศจึงต้องขายเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ การปรับลดลงของดัชนีในกลุ่ม SET 50 ส่งผลกระทบที่ค่อนข้างชัดเจนกับกลุ่มนักลงทุนในประเทศที่นิยมการลงทุนกับกองทุนเนื่องจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนใหญ่หากจะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์จะพิจารณาจากขนาดและพื้นฐานของบริษัทเป็นอันดับแรก ซึ่งการปรับลดลงของราคาหุ้นจึงส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นไปด้วย

"การลงทุนแม้ว่าจะมีการแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ พื้นฐานดี เป็นหลักแต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่น้อย เนื่องจากตลาดหุ้นไทยในบางช่วงราคาหุ้นไม่ได้ขึ้นอยู่ขนาดและพื้นฐานของบริษัทแต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในการเลือกลงทุนของนักลงทุนเป็นหลัก"แหล่งข่าวกล่าว

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส2 ที่ผ่านมาซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมากเนื่องจากปัจจัยลบหลายอย่างประกอบกันรวมถึงเรื่องผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวลดลง โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงส่งผลทำให้ตอบแทนจากเงินปันผลบางบริษัทปรับตัวขึ้นสูงถึง 10% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงเกินไป

ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่กระทบต่อราคาหุ้นในประเทศช่วงที่ผ่านมาเรื่องสำคัญ คือ ปัญหาภายในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเมืองซึ่งในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยที่จะต้องตกอยู่ในภาวะสุญญากาศเป็นเวลานานขนาดนี้ โดยเชื่อว่าในช่วง 1-2 เดือนต่อจากนี้ปัญหาทางการเมืองน่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรที่ชัดเจน

"ตอนนี้ภาวะทางการเมืองอยู่ในช่วงที่ปลายเปิด อะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งในปีนี้เศรษฐกิจอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจนเหมือนตลาดหุ้นมากนักแต่ในปีนี้เรื่องตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องที่น่าห่วง ยิ่งถ้าการเลือกตั้งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็วจะส่งผลต่อเรื่องงบประมาณอย่างแน่นอน"นายสุกิจกล่าว

สำหรับ การคาดการณ์ว่าจะสามารถเลือกตั้งได้ในช่วงเดือนต.ค.นี้ หากเป็นเช่นนั้นจริงการเสนองบประมาณของภาครัฐอาจจะต้องรอถึงเดือนเม.ย. ปีหน้า ขณะที่หากเกิดการยุบพรรคการเมืองขึ้น จะส่งผลที่ชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยตลาดหุ้นคงจะต้องรับผลกระทบที่ชัดเจน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าบทวรุปจะเป็นอย่างไร


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.