|
ไทยบริการฯชะลอขายหุ้นไอพีโอหวั่นภาวะตลาดซบฉุดราคาหลุดจอง
ผู้จัดการรายวัน(3 กรกฎาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ไทยบริการเผยหุ้นไอพีโอที่จะขายในไตรมาส 2 ต้องยืด เหตุภาวการณ์เมืองไม่เอื้อ ตลาดหุ้นซึม หวั่นเกิดผลกระทบต่อราคาหุ้น ยันขายหุ้นและเข้าเทรดปีนี้แน่ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี พร้อมหางานในมือเพิ่ม เพื่อดันยอดขายและรายได้ให้เติบโตตามเป้าปีนี้ 40% จากปี48
นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์วงศ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าจากก่อนหน้าที่บริษัท มีแผนที่จะนำหุ้นเพิ่มทุนออกให้ประชาชนจองซื้อในเดือนมิถุนายนนี้ อาจต้องลากยาวออกไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งจะกระทบต่อราคาหุ้น
โดยเฉพาะของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ผันผวนและปรับลดลงอย่างที่ไม่ค่อยได้เจอนัก บวกกับปัญหาการเมืองของไทยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยซึมต่อเนื่อง
“เรารอโอกาสและจังหวะที่จะเข้า หลังจากที่เราเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ภาวะไม่ค่อยเอื้อ จากที่เราตั้งใจจะเข้าเทรดไตรมาส 2 นี้ คงต้องเลื่อนออกไปรอดูเหตุการณ์บ้านเมืองของเรา” นายอัศวินกล่าว
สำหรับการดำเนินงานในระยะนี้ บริษัทต้องปรับแผนการดำเนินงานใหม่ จากที่คาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนเข้ามา เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ก็อาจต้องปรับไปกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทก็ได้รับเครดิตดีจากธนาคารที่คอยช่วยเหลืออยู่แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการทบทวนการบริหารงานอีกครั้งรวมทั้งการคำนวณหาต้นทุนการดำเนินงาน เพราะอาจเพิ่มขึ้นจากภาระดอกเบี้ยและราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ด้วย เพื่อหาวิธีป้องกันต้นทุนในยามที่ปัจจัยรอบด้านไม่ค่อยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปีนี้เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี โดยคาดว่าอาจจะเป็นช่วงไตรมาสสุดท้าย เพราะขณะนี้เหตุการณ์รอบด้านยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติและหลายบริษัทต่างชะลอการขายหุ้นไอพีโอออกไป
สำหรับ ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จะระดมทุน 35 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มจาก 100 ล้านบาท เป็น 135 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 35 ล้านหุ้น แบ่งขายให้ประชาชนทั่วไป 33 ล้านหุ้นและอีก 2 ล้านหุ้น จะขายให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท (ESOP) หลังจากเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้วจะไดรูท 26 %
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ขยายงานเป็นทุนหมุนเวียน เนื่องจากปัจจุบัน การขยายงานของภาคโรงงานอุตสาหกรรมและโรงพยาบาลตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ มีการขยายงานมากและเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องหาเงินเพื่อรองรับการขยายงานของบริษัท ขณะที่ปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ของบริษัทอยู่ที่ 1.9 เท่า
นายอัศวินกล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัท มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดด ซึ่งเมื่อปี 46 ถึงปี 48 รายได้ 213 ล้านบาท 628 ล้านบาทและเกือบ 1 พันล้านบาท อันเป็นผลจากช่วงที่ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว แต่เมื่อปี 47 มาปี 48 อัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 57% เท่านั้น เพราะบริษัทยกระดับเป็นมหาชนแล้ว การเติบโตต้องค่อยเป็นไปอย่างมั่นคง เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังการผลิต
“ปีนี้เราคาดว่าการเติบโตของรายได้ประมาณ 40% จากปีที่แล้ว เราต้องค่อย ๆ ปรับระดับให้คงที่ และกรอสมาร์จิ้นของเราก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.8% จากปีที่แล้วเรามี 14.9% ” นายอัศวินกล่าว
โดย ณ สิ้นปี 48 บริษัท มีงานในมือ( BACK LOG) 1,300 ล้านบาท ณ สิ้นปี 48 ซึ่งส่วนใหญ่งานของบริษัทจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่นานคือประมาณ 12 ขณะที่ปีนี้ บริษัทได้งานเพิ่มประมาณ 1 พันล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้งานในมือของบริษัทเพิ่มเป็น 1,400 ล้านบาท ขณะที่งานเก่าก็ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ส่วนใหญ่งานที่เราเข้าบิด จะได้มาประมาณ 30% ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และปีนี้เราก็ต้องบิดงานเพิ่มอีก เพราะเราต้องหางานในมือเพิ่มเข้ามาให้ต่อเนื่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยเราจะเข้าบิดต่อเนื่องให้งานในมือของเราอยู่ในระดับที่เกิน 1 พันล้านบาท และยังเป็นงานที่เราชำนาญเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมูลค่า 200-300 ล้านบาท แต่เมื่อรวมเครื่องจักรด้วยถือว่าใหญ่มากสำหรับเรา ” นายอัศวินกล่าว
สำหรับสัดส่วนรายได้ของ ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม มาจากการรับจ้างก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม 60% ส่วนที่เหลือ 40% มาจากการการสร้างศูนย์การค้าและอาคารสูง ทั้งที่ก่อนหน้านี้บริษัทฯ เน้นการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่การที่บริษัทหันมาทางด้านอื่นมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงานที่จะอิงรายได้จากส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นหลักใหญ่
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|