เมื่อตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตขึ้น สิ่งที่ตามมาคือบรรดาเฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งก็พลอยขายดิบขายดีตามไปด้วย
เช่นเดียวกัน จากบทเรียนในอดีตก็ทำให้เจ้าของบ้านเบื่อหน่ายกับการขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ
เพื่อซื้อวัสดุตกแต่ง เช่น ถ้าซื้อผ้าม่านหรือโคมไฟต้องไปสุขุมวิท หาซื้อวัสดุภัณฑ์ต้องไปโชว์รูมของบริษัทต่างๆ
ที่ถนนรัชดาภิเษก ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านต้องไปศูนย์การค้าหลายแห่ง
เป็นต้น
ปัจจุบันมีนักลงทุนพยายามขจัดปัญหานี้ โดยการสร้างบริการแบบ "ครบวงจร"
คือไปแห่งเดียวซื้อได้ทุกอย่าง เช่น ศูนย์เฟอร์นิเจอร์ที่มาบุญครอง และศูนย์การค้าเกือบทุกแห่ง
ซึ่งมักจะเน้นเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่, โชว์รูมของรอยัล โฮมมาร์ท ที่บางนา-ตราด
เน้นของตกแต่งและประดับบ้าน และล่าสุด "เดคคอร์มาร์ท" ที่มีความคิดฉีกแนวออกไปอีก
ห้างสรรพสินค้าเดคคอร์มาร์ทซึ่งตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์กม.ที่ 14 นับว่ายังเป็นชื่อที่ใหม่มากๆ
เมื่อใช้คำว่า "ห้างสรรพสินค้า" มานำหน้า อีกทั้งยังมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างไปจากห้างสรรพสินค้าอื่นๆ
ที่มีอยู่มากมายในเมืองไทยอีกด้วย คือแทนที่จะเป็นห้างที่ขายสินค้าหลากหลายทั่วไป
กลับขายเพียงวัสดุตกแต่งให้ครบวงจรเพียงอย่างเดียว
ห้างเดคคอร์มาร์ทเกิดจากการรวมตัวถือหุ้นของประสิทธิ์ จิระพงษ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัทบุญประสิทธิ์
ซึ่งเป็นบริษัทซัปพลายเออร์จากประเทศญี่ปุ่นมานั่งเป็นประธานบริษัท ราชัญ
ทยานุวัฒน์ จากบริษัทแกรนด์โฮมมาร์ท เป็นรองประธาน ชัชวาลย์ สินธวณรงค์ จากบริษัทโรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรืองเป็นกรรมการบริษัท
และกระหยิ่ม ศานติตระกูล นายกสมาคมอุตสาหกรรมลำปาง จากกลุ่มไทเกอร์กรุ๊ปเป็นกรรมการ
โดยมีประดิษฐ สินธวณรงค์ เป็นกรรมการผู้จัดการ และเป็นผู้รับผิดชอบหลักที่จะทำความฝันของผู้ถือหุ้นให้เป็นจริง
ประดิษฐไม่ใช่ผู้ที่อยู่วงการห้างสรรพสินค้าหรือวงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยมาก่อน
แต่ก่อนหน้านี้เขาเป็นคุณหมอหนุ่มโสดวัย 36 ปี และรับราชการมาเกือบ 10 ปี
ตำแหน่งสุดท้ายก็คือ ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ความรู้ และประสบการณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่เขาบอกว่าเอามาใช้ได้ในงานบริหาร
ถ้าถามถึงสาเหตุที่เขาเปลี่ยนงานก็จะได้คำตอบว่า โครงว่าโครงการที่อยู่อาศัยกำลังเติบโตแนวความคิดของผู้ถือหุ้นจึงสอดคล้องกับสภาพตลาดในช่วงนี้
และที่สำคัญมองว่ามันเป็นงานที่ท้าทายดี
ในช่วงที่วงการก่อสร้างกำลังบูมๆ เมื่อประมาณปี 2532 เป็นต้นมา จะพบว่าได้มีผู้ประกอบการหลายรายหยั่งเชิงเข้ามาจะลองทำแต่ก็เงียบหายไป
ส่วนใหญ่ร้านค้าพวกนี้จะไปปรากฏตามพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าดังๆ สาขาใหม่ๆ
ซึ่งจะให้ความสำคัญของพื้นที่ขายเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องเรือนมากขึ้นแทน
เช่น ห้างมาบุญครอง หรือซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
สำหรับจุดขายที่แปลกใหม่ เพื่อทำให้ห้างเดคคอร์มาร์ทแตกต่างไปจากการขายสินค้าของร้านค้าย่อยบนศูนย์การค้านั้น
เป็นเรื่องที่กลุ่มผู้บริหารจำเป็นต้องระดมความคิดกันอย่างหนัก และสรุปได้ว่า
อย่างแรกก็คือตัวห้างต้องอยู่ในพื้นที่ที่กว้างขวางและมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย
ดังนั้นตัวห้างจึงได้สร้างขึ้นในพื้นที่ 8 ไร่ เป็นอาคาร 2 หลังๆ แรกสูง
3 ชั้น มีพื้นที่ขายประมาณ 7,000 ตารางเมตร โดยชั้นล่างและชั้น 2 จะมีสินค้าประเภทกระเบื้องเซรามิก
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ห้องครัว และเครื่องครัว ชุดตกแต่งภายใน ผ้าม่าน พรม โคมไฟ
อุปกรณ์ประตู เฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น ชั้น 3 เป็นที่เก็บของส่วนชั้นลอย
คือแผนกบริการลูกค้า ด้านออกแบบ คอฟฟี่ชอป ห้องสมุดการจัดบ้านแบบต่างๆ
ส่วนอาคารอีกหลังทั้ง 2 ชั้นเป็นโชว์รูมของหินอ่อนและแกรนิตประเภทต่างๆ
ในพื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร
ของที่มีอยู่จำนวนมากมายนั้นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ในทันที
แต่ผู้ที่มีส่วนกระตุ้นเงินในกระเป๋าของลูกค้าได้ คือพนักงานขาย และการบริการ
เดคคอร์มาร์ทตั้งเป้าจำนวนพนักงานขายและพนักงานทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 150 คน
"ส่วนใหญ่แล้วพนักงานแต่ละคนที่จะรู้เฉพาะเรื่องราคา หากคนซื้อจะขอคำแนะนำในเรื่องสินค้าที่เขาจะตัดสินใจซื้อ
ก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ดีได้ การเน้นพนักงานขายเป็นมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญที่ผู้บริหารได้วางไว้
ดังนั้นพนักงานขายของที่นี่ทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรมจากผู้ผลิตสินค้าต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของวัสดุตัวที่ขายรวมทั้งการดูแลรักษาด้วย"
ประดิษฐกล่าว
นอกจากนั้นยังมีแผนกดีไซน์ที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง โดยดึงเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยสาธิตการออกแบบห้องในโชว์รูม
ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามองเห็นภาพในการตกแต่งห้องโดยเร็ว
"แผนกนี้จะไม่มีการเก็บค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น และคาดว่าลูกค้าคงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
เพราะสามารถมองภาพของบ้านได้ชัดเจนขึ้น"
หลังจากนั้นก็ยังมีแผนกที่คอยดูแลความสะดวกให้แก่ลูกค้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาและบริการหลังการขาย
ส่วนเรื่องของราคาไม่ใช่จุดเด่นในการตัดสินใจของลูกค้า เพราะจะใช้ระบบการจำหน่ายแบบเดียวกับห้างสรรพสินค้า
ซึ่งมีราคาปานกลางต่อรองไม่ได้
จากจุดขายทั้งหมดนี้ ประดิษฐและกลุ่มผู้บริหารมั่นใจว่าเดคคอร์มาร์ทจะสามารถเติบโตและขยายสาขาได้ถึง
3 ทำเลใน 5 ปี โดยสาขาแรกจะเปิดบริการประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่นั้นต้องดูฝีไม้ลายมือของคนกลุ่มนี้กันต่อไป