จับตาจัดตั้ง“สุวรรณภูมินคร”ปฐมฤกษ์ปั่นราคาที่ดินรอบใหม่


ผู้จัดการรายสัปดาห์(3 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

*ครม.ไฟเขียว พ.ร.บ.สุวรรณภูมินคร รัฐบาลทำเพื่อใคร เพื่อพวกพ้อง หรือประชาชน?
*เผยส่งคนคุมพื้นที่ 4 เขต ทั้งลาดกระบัง ประเวศ บางพลี ยันบางเสาธง ยึดพื้นที่รอบสนามบิน ก่อนหมดอำนาจในระดับประเทศ
*ชี้แค่เปลี่ยนสีผังเมือง เพิ่มการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ก็สร้างกำไรมหาศาล ทั้งที่ยังไม่ต้องลงทุนโครงการด้วยซ้ำ

ในที่สุดแผนปั่นราคาที่ดินรอบสนามบินสุวรรณภูมิรอบใหม่ก็ได้ฤกษ์เปิดฉากขึ้นแล้ว หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไฟเขียวเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.สุวรรณภูมิมหานคร พร้อมทั้งส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อนจะส่งกลับมาให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง หาก ครม.เห็นชอบ ให้รอ ครม.ชุดใหม่ยืนยัน ก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่พิจารณา ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้

การปั่นราคาที่ดินของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เริ่มตั้งแต่การใช้กระแสจุดพลุการลงทุนก่อสร้างโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่จะขนคนเข้า-ออกจากเมือง เพื่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ จนทำให้ราคาที่ดินถีบตัวสูงกว่าราคาในช่วง 3-4 ปีก่อนมาก บางแปลงราคาสูงขึ้นเกือบ 100% หรือบางแปลงสูงขึ้น 20-30% โดยเฉลี่ยราคาที่ดินในย่านสุวรรณภูมิสูงขึ้นราวๆ 50%

มาครั้งนี้ รัฐบาลพยายามที่จะผลักดันให้บริเวณสนามบิน เป็นเขตปกครองพิเศษ เพื่อที่จะได้ทุ่มงบประมาณไปพัฒนาพื้นที่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม ว่านำเงินภาษีประชาชน ไปพัฒนาในพื้นที่ที่ตัวเองและพวกพ้องเป็นเจ้าของ แต่การทุ่มงบประมาณลงไป เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง เพราะเป็นเขตปกครองพิเศษ

แน่นอนว่า เมื่อเป็นเขตปกครองพิเศษ ทุกอย่างจะต้องเพียบพร้อม ทั้งโครงการข่ายคมนาคม ถนนหนทาง หน่วยงานราชการ สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ซึ่งหากมีการลงทุนในส่วนนี้ จะทำให้เมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว และจะมีผลให้ราคาที่ดินถีบตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

เซ็นทิ้งทวน

แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย”ผู้จัดการรายสัปดาห์”ว่า การที่ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพ.ร.บ.สุวรรณภูมิมหานคร เสมือนเป็นการเซ็นทิ้งทวนก่อนที่อำนาจและบารมีจะหมดไป เพราะต้องการทำเพื่อตัวเอง ทั้งนักการเมือง เครือญาติ พวกพ้อง โดยเฉพาะคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ที่ไปกว้านซื้อที่ดินบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิไว้เรียบร้อยแล้ว ในช่วงที่ราคายังไม่ถูกปั่นขึ้นไป หรือในช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักการเมืองบางคนจะบอกว่า ที่ดินที่มีอยู่ซื้อไว้นานแล้ว ไม่ได้พึ่งมาซื้อในช่วงที่รัฐบาลจะลงทุนโครงการสนามบินให้แล้วเสร็จ แต่ด้วยความที่มีอำนาจ จึงพยายามที่จะสร้างความเจริญไปยังพื้นที่ที่เป็นเจ้าของอยู่ อีกทั้งยังมีการซื้อเพิ่มเติม เมื่อแน่ใจว่าโครงการก่อสร้างสนามบินเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ก.ย.นี้

กลุ่มนักการเมืองที่เป็นเจ้าของที่ดินในย่านสุวรรณภูมิ นำโดยนายกฯทักษิณ ที่ถือที่ดินผ่านนอมินี .สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการ พรรคไทยรักไทย และรองนายกรัฐมนตรี ,ประยุทธ์ มหากิจศิริ แกนนำพรรคไทยรักไทย ,เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดงรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และน้องสาวนายกรัฐมนตรี และกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับคนในครอบครัวนายกรัฐมนตรี มีที่ดินราว 4,000-5,000 ไร่

“การที่ที่ประชุมครม.ไฟเขียวเรื่องการจัดตั้งสุวรรณภูมิมหานคร ถือเป็นการเซ็นทิ้งทวน ก่อนที่จะหมดอำนาจทางการเมือง เพราะไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตจะไปในทิศทางไหน อีกทั้งแผนการที่เตรียมผลักดันให้บริเวณสนามบินกลายเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ และรองรับการเปิดใช้สนามบินมีความเป็นไปได้โดยเร็วที่สุด เพื่อผลักดันให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น”แหล่งข่าวคนเดิมให้ความเห็น

ขณะเดียวกัน หากบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเขตปกครองพิเศษ การดำเนินการทุกอย่างจะง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ หรือหน่วยงานต่าง ๆ เหมือนกับการปกครองระดับประเทศ ที่การทำนิติกรรมต่าง ๆ จะต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรอง และต้องใช้เวลานาน ส่วนเขตปกครองพิเศษ ผู้ที่ตัดสินใจขั้นสุดท้ายคือนายกที่ปกครองสุวรรณภูมิมหานครที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

ส่งคนคุมสนามเล็กยันสนามใหญ่

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า “ทุกวันนี้ผู้ที่ดูแลพื้นที่ในเขตสนามบินทั้ง 4 เขต ได้แก่ ลาดกระบัง ประเวศ และอีก 2 เขตของจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ บางพลีและบางเสาธง ล้วนเป็นคนของรัฐบาลเกือบทั้งหมด ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการวางตัวบุคคลไว้เรียบร้อย และหากพื้นที่รอบสนามบินถูกยกระดับให้เป็นเขตปกครองพิเศษ การทำนิติกรรมทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับคนกลุ่มเดียวเท่านั้น คือ แก๊งไทยรักไทย ”

ทั้งนี้ การผลักดันให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นเขตปกครองพิเศษ จะต้องใส่เม็ดเงินจำนวนมหาศาลลงไป เพื่อให้เป็นเมืองที่สมบูรณ์ ทั้งสาธารณูปโภค การขนส่ง การคมนาคม รวมถึงจะต้องวางแผนการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้เมืองเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน

ก่อนหน้านี้ ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง พยายามที่จะควบคุมการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในย่านสนามบินให้เป็นระเบียบ เพื่อให้เมืองสวยงาม น่าอยู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกับเมืองเวนิช อิตาลี ที่โด่งดังไปทั่วโลกถึงความสวยงามของเมือง เพราะมีลักษณะคล้ายกับอิตาลี

อย่างไรก็ตาม หากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเขตปกครองพิเศษ จะทำให้ราคาที่ดินพุ่งสูงกว่านี้หลายเท่า เพราะจากที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯและสมุทรปราการ ราคาที่ดินยังถูกปั่นจนสูงขึ้นเฉลี่ยถึง 50% และหากพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นเขตปกครองพิเศษ ก็เชื่อว่าราคาที่ดินจะสูงกว่านี้อีก ซึ่งเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าวจะร่ำรวยกันทั่วหน้า ทั้งที่ยังไม่ต้องลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างมูลค่าเลย

“แม้ว่ายังไม่ได้ลงทุนก่อสร้างโครงการ เพียงแค่ให้ผู้ที่ดูแลเขตปกครองพิเศษ เปลี่ยนสีผังเมืองบางแปลง เพื่อให้สามารถลงทุนโครงการขนาดใหญ่และมีมูลค่า ก็จะทำให้ราคาที่ดินวิ่งขึ้นทันที เช่นเดียวกับการประกาศใช้ผังเมืองทั่วไป ที่ราคาที่ดินหลายแห่งขยับขึ้นไป จากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งหากมีการลงทุนก่อสร้างโครงการไว้รองรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบิน จะยิ่งสร้างมูลค่าให้กับเจ้าของที่ดินมหาศาล”แหล่งข่าวระบุ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.