|
ส.รับสร้างบ้านเพิ่มช่องทางตลาด จัดสรรโครงการเก่าหันสร้างบ้านใหม่
ผู้จัดการรายวัน(29 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"รับสร้างบ้าน" ฟุ้งตลาดอสังหาฯ ชะลอไม่กระทบ แจงยังมีคนสร้างบ้านราคาแพงอยู่ ชี้ช่องทางตลาดใหม่กลุ่มลูกค้าในโครงการจัดสรรเก่าเริ่มทุบบ้านเก่าทิ้งสร้างใหม่ เชื่ออีก 5 ปีเริ่มเห็นอีกเพียบ พร้อมระบุแบงก์ปล่อยกู้ง่ายและมากกว่าบ้านจัดสรรเหตุมีที่ดินค้ำประกันอยู่แล้ว
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรอยัล เฮ้าส์ จำกัด และนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังมีคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจบ้านจัดสรร เนื่องจาก 60% ของผู้ซื้อใช้เงินตัวเองแทนการกู้สร้างบ้านนอกจากนี้กลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้านส่วนใหญ่เป็นคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปซึ่งกลุ่มนี้จะมีเงินเก็บอีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่ยังมีที่ดินเป็นของตนเองหากต้องการใช้สินเชื่อก็เฉพาะสร้างบ้านเท่านั้น
สำหรับปัจจัยลบยังเป็นตัวเร่งการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น เนื่องจากผู้บริโภครู้ว่าเมื่อราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง และราคาสร้างบ้านปรับสูงขึ้นตามและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากตัดสินใจสร้างบ้านในวันนี้ย่อมถูกกว่าปีหน้าอย่างแน่นอน
นอกจากนี้สร้างบ้านเองกับซื้อบ้านในโครงการจัดสรรยังแตกต่างกันคือ สร้างบ้านเองจะเป็นผู้ที่มีที่ดินอยู่แล้วหากขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจะได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ดิน และส่วนใหญ่จะได้สินเชื่อ 100% ของราคาค่าก่อสร้าง ส่วนการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจัดสรรจะต้องวางเงินดาวน์ อีกทั้งสินเชื่อที่ได้จะมีวงเงินประมาณ 70-80% ซึ่งลูกค้าต้องมีเงินก้อน ซึ่งก่อนหน้านี้สถาบันการเงินไม่ค่อยรู้จักบริษัทรับสร้างบ้านเท่าใดนัก จะรู้เพียงว่าเป็นผู้รับเหมามากกว่า ทำให้ไม่ค่อยไว้วางใจเมื่อปล่อยสินเชื่อ แต่เมื่อมีการรวมตัวเป็นสมาคมทำให้เป็นที่รู้จักในนามขององค์กรวิชาชีพเกิดความไว้วางใจมากขึ้น การปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น
"ที่ผ่านมาตลาดบ้านจัดสรรชะลอลงอย่างมากซึ่งดูได้จากยอดขายของบริษัทเองมที่มีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ คือบ้านราคา 3-5 ล้านบาท ชะลอตัว ในขณะที่บ้าน 5 ล้านบาทขึ้นไปแถบจะขายไม่ได้ แต่เมื่อมาดูลูกค้ารับสร้างบ้านกลับพบว่ายังมีลูกค้าสั่งสร้างบ้านราคา 5-10 ล้านบาทอยู่อย่างต่อเนื่อง และถ้าไปดูสถิติในอดีตแม้ว่าจะเกิดวิกฤตแต่ธุรกิจรับสร้างบ้านก็ยังคงโตอย่างต่อเนื่องแต่ไม่หวือหวาเท่านั้น ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดโดยรวมเป็นส่วนใหญ่ เป็นความต้องการที่แท้จริงมากกว่า และขึ้นอยู่กับว่าเราจะสร้างบ้านได้ถูกใจลูกค้าได้หรือไม่" นายศักดากล่าว
นายศักดา กล่าวว่าต่อว่า นอกจากการสร้างบ้านในที่ดินเปล่าของลูกค้าแล้ว เทรนด์การสร้างบ้านเริ่มมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มีช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงปีที่ผ่านมาพบว่า มีลูกค้าในบ้านจัดสรรโครงการเก่าๆ เริ่มทุบบ้านเดิมทิ้งแล้วสร้างใหม่ เนื่องจากต้องการขยายครอบครัว พื้นที่ประโยชน์ใช้สอยไม่เพียงพอเพราะการออกแบบในอดีตไม่ได้ให้ความสำคัญสำหรับเรื่องดังกล่าว หรือต้องการเปลี่ยนบ้านใหม่เพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น
ทั้งนี้การเปลี่ยนบ้านใหม่นี้จะพบในโครงการจัดสรรเก่าอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเชื่อว่าบริษัทรับสร้างบ้านจะมีลูกค้าในลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องโครงการจัดสรรเริ่มเกิดเมื่อประมาณ 25 ปีที่ผ่านมา โครงการสร้างบ้านแม้ว่าจะยังสามารถใช้งานได้แต่พื้นที่อื่นเริ่มทรุดโทรม ซึ่งช่วงเวลาที่จะต้องเริ่มเปลี่ยนจะประมาณ 30 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามการสร้างบ้านโดยความเป็นจริงสามารถอยู่ได้นานถึง 50-100 ปี
"อีก 5 ปี ต่อจากนี้จะเริ่มเห็นคนที่อาศัยอยู่ในบ้านจัดสรรที่มีอายุนานกว่า 20 ปีเริ่มทุบบ้านเก่าทิ้งทำใหม่ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีลูกค้ากลุ่มนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะในความเป็นจริงตัวโครงสร้างบ้านจะอยู่ได้เป็น 100 ปี แต่ที่เปลี่ยนเพราะต้องการขยายและเพื่อให้ทันสมัย และจะเริ่มเห็นเทรนด์นี้เป็นเอเรีย เช่น ย่านนนทบุรี ชินเขต เสนา โชคชัยสี่ เพราะย่านดังกล่าวมีบ้านจัดสรรเกิดขึ้นเป็นที่แรกๆของไทย" นายศักดา กล่าว
นอกจากนี้ จะเริ่มเห็นสถาบันการเงินนำที่ดินเปล่าออกมาให้บริษัทรับสร้างบ้านหรือผู้รับเหมาเข้าไปทำการก่อสร้างแล้วขายเป็นโครงการ หรือขายให้กับลูกค้าและพ่วงกับการสร้างบ้านให้ เพราะปัจจุบันที่ดินเปล่าในสถาบันการเงินมีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งราคาขายของสถาบันการเงินยังถูกมาก อีกทั้งยังสามารถซับพอร์ตในเรื่องของสินเชื่อได้อีกด้วย จึงทำให้เชื่อว่าตลาดนี้จะเริ่มมาแรงในระยะเวลาอันใกล้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|