|
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างดิ้นพล่านงานในมือลดหลังโปรเจกต์ภาครัฐถูกแช่แข็ง-อสังหาฯซบ
ผู้จัดการรายวัน(28 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
จับงานในมือ(Backlog)ของบริษัทรับเหมาลดลง โดยเฉพาะบริษัทที่ยึดงานภาครัฐเป็นหลัก หลังปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจไม่นิ่ง ซ้ำร้ายงบประมาณลงทุนเมกะโปรเจกต์ถูกเลื่อนออกไป ฟุ้งปี 2550 โครงการก่อสร้างภาครัฐที่ถูกแช่แข็งจะถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง ส่วนงานก่อสร้างภาคอสังหาฯยังซบเซาตามสภาพตลาด ด้านแอสคอนฯจ่อเซ็นสัญญางานใหม่เกือบ 1,000 ล้านบาท
บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รายงานคาดการณ์ภาวะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 2549 ช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จากข้อมูลรายงานดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจสาขาก่อสร้างของกระทรวงพาณิชย์ล่าสุด มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44.5 % ซึ่งถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง สาเหตุหลักยังคงเป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งส่งผลให้โครงการลงทุนในภาครัฐ รวมถึงโครงการประเภท เมกะโปรเจกต์มีการเลื่อนการใช้งบประมาณออกไป ขณะเดียวกันในส่วนของงานก่อสร้างในภาคเอกชนมีแนวโน้มการชะลอตัวเช่นกัน หลังจากที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง เนื่องมาจากวิกฤตทางการเมือง การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจที่จะเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยหรือการลงทุนเพิ่ม
สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี49 คงต้องมีการปรับตัวในหลายด้านเพื่อรองรับการชะลอตัวของตลาดในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่อิงอยู่กับโครงการในภาครัฐบาลเป็นหลักจะได้รับผลกระทบจากตัวเลขงานในมือ(Backlog) ที่ลดต่ำลงกว่าประมาณการที่คาดไว้
บริษัทฯ คาดว่าสถานการณ์ในลักษณะนี้น่าจะกินระยะเวลาสั้น ๆ และเป็นผลกระทบที่ไม่รุนแรงมากนัก โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่มีมูลค่าไม่สูงมาก แต่ส่วนใหญ่ยังคงมีแผนงานก่อสร้างเช่นเดิม คาดว่า ในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีงบประมาณใหม่โครงการต่าง ๆ ในภาครัฐที่ถูกเลื่อนออกไปจากปี 2549 จะกลับเข้ามาอยู่ในแผนงานก่อสร้างอีกครั้งซึ่งจะทำให้ในปี 2550 ตลาดรับเหมาก่อสร้างน่าจะกลับเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้
ขณะที่ในส่วนของตลาดการก่อสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์คาดว่า การขยายตัวในช่วงนี้คงเป็นไปตามภาวะกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง โดยผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ ช่วงนี้คงต้องมีการบริหารและจัดการด้านต้นทุนให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่มีการรับงานมาก่อน ที่ราคาน้ำมัน และวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวสูงขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดได้
แอสคอนฯขยายฐานลูกค้าสร้างรายได้เพิ่ม
นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอสคอน ฯ กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดมีการชะลอตัวเช่นนี้ นอกจากการบริหารและจัดการกับต้นทุนแล้ว ที่สำคัญคงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางใหม่ๆ โดยในส่วนของบริษัทฯ ได้มีการปรับแนวทางมาตั้งแต่ช่วงต้นปี จากเดิมรับงานในภาคเอกชนเป็นหลักหันมาเข้าประมูลโครงการในภาครัฐเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดคือ การก่อสร้างโครงการบ้านธนารักษ์ ของกรมธนารักษ์มูลค่า 495 ล้านบาท
"ตอนนี้คาดว่าตลาดยังไม่ส่งผลกระทบที่ชัดเจนมากนัก โดยเฉพาะกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่มีขนาดไม่ใหญ่ ปัญหาตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องการบริหารและจัดการกับต้นทุนมากกว่า ขณะที่บริษัทผู้รับเหมาขนาดใหญ่อาจได้รับผลกระทบพอสมควรจากตัวเลข Backlog ที่ต้องมีการประเมินกันใหม่ จนกว่าเรื่องของการเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้" นายพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์)บริษัทรับเหมาเอกชนที่ได้ใบอนุญาต(ไลเซ่นส์ )เพื่อประมูลงานภาครัฐได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งใช้งบประมาณลงทุนครั้งนี้ประมาณไม่เกิน10 ล้านบาท และหลังจากได้ไลเซ่นส์ใหม่ในครั้งนี้ จะสามารถเข้าประมูลงานภาครัฐบาลได้ทันที โดยบริษัทตั้งเป้ารับงานจากภาครัฐไว้ที่ประมาณ 500- 1,000 ล้านบาท ทุกปี
โดยภายในเดือนมิ.ย.นี้ บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอการเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 900 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท โรงงาน 1 โครงการ มูลค่า 60 ล้านบาท งานคอนโดฯของภาครัฐ 1 โครงการ มูลค่า 130 ล้านบาท และโครงการอาคารสูงที่อยู่ระหว่างสรุปผลขั้นสุดท้ายอีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้จากจำนวนงานใหม่ที่ทยอยรับเข้ามาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้มีมูลค่างานในมือ ณ ปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3,700 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|