"อุ๋ย"เข้มไม่สนเฟดขึ้นดอกเบี้ยเศรษฐกิจไม่มีปัญหา-เงินไหลออกนิ่ง


ผู้จัดการรายวัน(28 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"หม่อมอุ๋ย"เมินเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ระบุไม่มีผลกับนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ ยันเศรษฐกิจขณะนี้ไม่มีปัญหา ยังไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร และเม็ดเงินไหลออกเริ่มนิ่งแล้ว ส่วนเรื่องงบประมาณให้รอความชัดเจนหลังมีรัฐบาลใหม่

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้ว่า ไม่ว่าเฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ก็จะไม่มีผลต่อการกำหนดนโยบายการเงินของธปท.แต่อย่างใด เพราะภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ยังไม่มีนโยบายอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ตอนนี้คงยังไม่สามารถบอกอะไรได้ คงต้องรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งต่อไปในวันที่ 19 กรกฏาคม นี้

สำหรับเม็ดเงินไหลเข้าไหลออกของนักลงทุนต่างชาติในปัจจุบันผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ก็ค่อนข้างสบายใจ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มนิ่งแล้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยก็มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ซึ่งมีการใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัวและค่าสกุลเงินหลายสกุล ผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกต้องติดตามทิศทางของค่าเงิน ซึ่งหากติดตามการส่งสัญญาณของธปท.ก็จะเห็นถึงแนวโน้มของค่าเงินบาทที่ชัดเจน

“ขณะนี้คนที่เลิกห่วงค่าเงินบาทมากกว่าคนที่ยังห่วงอยู่ ซึ่งคนค้าขายเป็นจะรู้ว่ามีแนวโน้มเป็นยังไง หรือคนที่เป็นมวยก็จะดูแลเป็นแล้ว ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ และสมัยนี้การค้าขายทั่วโลกไม่ได้ใช้สกุลใดสกุลหนึ่ง ซึ่งเราอยู่ระหว่างค่าเงินหลายสกุล หากพยายามฟังที่ผมพูดจะเห็นแนวโน้มที่ชัดเจน”ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในขณะนี้ถือว่ายังสามารถขยายตัวได้ดี แม้มีผลกระทบปัญหาการเมืองบ้างที่อาจจะส่งผลต่องบประมาณการลงทุนในงวดที่ 4 หรือในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมนี้ แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ในส่วนของภาคการส่งออกและภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี และเชื่อว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 4-5% เช่นเดียวกับที่กระทรวงการคลังประมาณการไว้

“การเมืองกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มาก แต่มองการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนยังคงเดินหน้าต่อไปได้ไม่น่าห่วง และหากดูกำลังการผลิตก็เริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันช่วยกันกระตุ้นทั้งเรื่องการลงทุนและการส่งออกก็จะสามารถเดินหน้าได้เป็นปกติเอง”ผู้ว่าการธปท.กล่าว

สำหรับกรณีที่กระทรวงการคลังตั้งแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปีในช่วงปี 2550-2552 แบบขาดดุลนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า อย่าไปเพิ่งวิพากวิจารย์อะไรมาก ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งก่อน ซึ่งปัจจุบันมีเพียงรัฐบาลรักษาการแทน จึงยังไม่สามารถทำอะไรได้มากมาย

“เรื่องงบประมาณต้องรอรัฐบาลตัวจริงก่อน ถ้าหากยังเลือกตั้งไม่ได้ ก็จะล่าช้าไปอีก ซึ่งเรื่องการเมือง ผมสั่งไม่ได้เป็นไปตามครรลองการเมือง”ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

ส่วนกรณีที่ นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจจะเติบโตต่ำมาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า นายโอฬาร เคยคาดการณ์เศรษฐกิจออกมาไม่สูงมากก็ต่ำมากอยู่หลายครั้ง แต่ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพราะการเมืองก็ต้องให้เป็นไปตามกลไกทางการเมืองไม่มีใครสามารถไปสั่งการได้ตามที่ใจปรารถนา

ด้านคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า ในการประชุมของเฟดครั้งนี้ ทุกคนคิดว่ายังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% เป็น 5.25% ส่วนในการประชุมครั้งต่อไปจะปรับขึ้นอีกหรือไม่ ก็จะต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯในขณะนั้นเป็นหลัก

ในส่วนธนาคารนั้นขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารจะพิจารณาความเหมาะสมของช่วงเวลาในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศนั้นใกล้เข้าสู่จุดสูงสุดแล้ว โดยธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกประมาณ 1-2 ครั้งภายในปีนี้ ทั้งนี้ ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถือว่าไม่มากนัก หากเทียบกับต้นทุนด้านอื่น ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยหากไม่ถึง 10% ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนเอกชน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.