หากพูดถึงตลาดเครื่องนับ-เครื่องคัดธนบัตรและเหรียญแล้ว แทบจะไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จักชื่อของโมชดาราในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องนับธนบัตรของบริษัท
เดอ ลา รูย์ แห่งประเทศอังกฤษ
จนปัจจุบันกล่าวได้ว่าธนาคารพาณิชย์ของไทยจะมีเครื่องนับธนบัตร และเหรียญยี่ห้อเดอลารูย์ตั้งอยู่ในสำนักงานแทบทั้งสิ้น
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ของโมชดารา ยุคสมัยได้ผ่านมาถึง 3 สมัย
เริ่มตั้งแต่ปี 2465 นายมารค โมชดารา ได้ก่อตั้งบริษัท โมชดารา ขึ้นบริเวณหัวมุมของถนนสีลม-บางรัก
ด้วยธุรกิจปั๊มน้ำมัน, ขายยางรถยนต์, ปะยางด้วยไฟฟ้า และตั้งเป็นโรงเรียนฝึกหัดขายของไปในตัวด้วย
อีกทั้งได้เป็นผู้จัดการขายเครื่องพิมพ์อยู่อีกบริษัทแห่งหนึ่ง
ด้วยความที่มีฝีมือในทางซ่อมแซมเครื่องพิมพ์ ทำให้เจ้านายพระองค์หนึ่งนำเครื่องคิดเลขยี่ห้อ
"ฟาซิท" ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นระบบกลไกอยู่มากมาให้ซ่อม จนเกิดประทับใจในการซ่อมของนายมารค
จึงได้แนะนำให้เป็นเอเย่นต์เครื่องคิดเลขนั้นเข้ามาจำหน่าย ซึ่งนอกจากเครื่องคิดเลขแล้ว
ยังมีเครื่องพิมพ์ดีด, เครื่องอัดสำเนา, และอุปกรณ์อื่นๆ ของบริษัทฟาซิท
ประเทศสวีเดนอีกหลายอย่าง
ต่อมานายมารคได้ย้ายบริษัทมาตั้งที่เชิงสะพานพิทยเสถียร เลขที่ 969 ถนนเจริญกรุง
อันเป็นที่ตั้งของถนนโมชดารามาจนปัจจุบัน เมื่อย้ายมาที่ใหม่นี้เขาได้เพิ่มคำว่าพิมพ์ดีดท้ายชื่อเดิมเป็นบริษัทโมชดารา
พิมพ์ดีดจำกัด ทำการบุกเบิกตลาดราชการด้วยการขายเครื่องใช้สำนักงานให้ ซึ่งยุคนั้นนับว่ากว่าจะขายได้ยากมากเพราะส่วนใหญ่
ตลาดจะเป็นของบริษัทคนต่างชาติทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในตลาดราชการขณะนั้นเป็นอย่างมากได้
กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และนายมารคได้เสียชีวิตลงเมื่อสงครามสงบในปี
2489 โดยมีนางพุดซ้อน ภรรยาสานงานต่อ กิจการยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเปิดโรงเรียนพิมพ์ดีดขึ้น
2 แห่ง สอนทั้งพิมพ์ดีดไทย-อังกฤษ และขวเลข พร้อมกัยเป็นเอเย่นต์เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้ออื่นๆ
ทั้งที่ทำในสวีเดน, เยอรมนี, และสหรัฐอเมริกา และเริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องนับธนบัตรของบริษัท
เดอ ลา รูย์ ประเทศอังกฤษอีกด้วย
จนในปี 2503 นางพุดซ้อนได้มอบให้นายเล็ก ลูกชายทำแทน ซึ่งยุคนั้นธนาคารและสถาบันการเงินเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในเศรษฐกิจไทย
ซึ่งนายเล็กได้นำเครื่องลงบัญชียี่ห้อ "เคียนเซิล" ไปเสนอขายตามสถาบันการเงินและธนาคารด้วย
จนได้รับการยอมรับไปทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้เครื่องนับเครื่องคัดธนบัตร,
เครื่องตอกเวลาทำงาน และเครื่องควบคุมเงินสด "อังเกอร์" ให้แก่ธนาคารออมสินทั่วประเทศด้วย
เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของโมชดาราพิมพ์ดีดก็ว่าได้
ต่อมานายเล็กได้ตัดคำหลังของชื่อบริษัทออกเหลือเพียง "โมชดารา"
เท่านั้น และได้ขยายสาขาในต่างจังหวัด 3 แห่งคือที่เชียงใหม่, ขอนแก่น และหาดใหญ่
จากคลื่นลูกที่ 1 ยุคนายมาร์คและภรรยา มาคลื่นลูกที่ 2 ยุคนายเล็ก จนถึงคลื่นลูกที่
3 คือนายเมธา ลูกชายนายเล็ก ที่นับเป็นอีกยุคหนึ่งที่โมชดารามีการเปลี่ยนโฉมเพื่อเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์
"ผมรับช่วงต่อคุณพ่อในปี 2530 และต้องทำการปรับปรุงเพื่อเข้ายุคสมัยโดยเปลี่ยนจากเครื่องจักรกลมาเป็นคอมพิวเตอร์
พลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถือว่าเราเริ่มต้นใหม่ เรียนกันใหม่ ลงทุนกันใหม่ก็ว่าได้
สิ้นงบในการเปลี่ยนแปลงไปหลายล้านบาท" เมธา โมชดารา ผู้รับภาระหนักอึ้งในการนำโมชดาราเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์
กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
จากตึกเก่าๆ ก็ถูกปรับสภาพเป็นตึกใหม่ กว้างและตกแต่งด้วยไม้และตู้โชว์อย่างสวยงาม
ระบบออฟฟิศออโตเมชั่น รวมทั้งโครงสร้างต่างๆ ได้ปรับสภาพใหม่หมด มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อม
เป็นแฟ้มข้อมูลลงในระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย รวมทั้งการติดต่อระหว่างสาขาทั้ง
3 ก็เป็นไปในระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ มีการบันทึกการทำงานของช่างแต่ละคนรวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ
ได้ถูกนำมาใช้อย่างครบครัน
เมธาเล่าถึงการใช้สำนักงานที่บรรพบุรุษได้ค้าขายไว้โดยมาเน้นที่เครื่องนับ-คัดเหรียญและธนบัตรมากกว่า
"เพราะการแข่งขันมันเยอะและช่องทางการจำหน่ายก็มีมาก จะเห็นว่าเราสามารถหาซื้อเครื่องใช้สำนักงานเหล่านี้ได้ทุกแห่งไม่ว่าจะแม็คโครหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ฉะนั้นผมจึงต้องปรับแนวทางเพื่อให้มีจุดตลาดที่แน่นอน นั่นคือ อุปกรณ์การจัดการเงินสด
หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับธนบัตรและเหรียญ"
จากตัวเลขของบริษัทปรากฏตลาดเครื่องนับ-คัด-บรรจุธนบัตรและเหรียญที่โมชดาราติดตั้งไปแล้วก็ตาม
ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วประเทศมีถึง 4,000 กว่าแห่ง เป็นตลาดเอกชนมากที่สุดถึง
80% การเติบโตอยู่ระดับ 25%
"เรามีสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกันการเงินกว่า 40 ชนิดแล้ว ซึ่งล่าสุดเราจะนำปากกาตรวจธนบัตรปลอมเข้ามาจำหน่ายด้วย
เป็นปากกาที่ใช้ง่ายเพียงขีดไปที่แบงก์เท่านั้น หากปลอมก็จะมีสีดำ แต่หากไม่ปลอมก็จะไม่เกิดอะไร
ฉะนั้นพูดได้เลยว่าเรามีสินค้าครบครันแล้วตั้งแต่ระดับ 250 บาทไปจนถึงกว่า
10 ล้านบาท" เมธากล่าวพร้อมทิศทางของโมชดาราในอนาคตว่าจะยังคงเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับการเงินการธนาคารต่อไป
ล่าสุดทางธนาคารแห่งชาติเขมรได้สนใจซื้อเครื่องนับ-คัดธนบัตร, เครื่องทำลายธนบัตรและอุปกรณ์อื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องกับโมชดาราแล้ว ฉะนั้นจึงกล่าวได้อีกว่าในอนาคตจะต้องบุกไปในตลาดเพื่อนบ้านแน่นอน
ครบ 72 ปีแห่งยุคสมัย มาสู่คลื่นลูกที่ 3 ในยุคเมธา เขาจะเก็บเกี่ยวการเติบโตของตลาดการเงินเสรีได้มากน้อยเพียงใด
เขาจะปรับเปลี่ยนอะไรอีกหรือไม่ และตึกเลขที่ 969 จะคงอยู่ต่อไปนานเท่าใด
เมธาเท่านั้นที่รู้และต้องทำโจทย์นี้ด้วยตัวเขาเอง