"ถ้างานก่อสร้างโครงการเวิลด์เทรดทาวเวอร์ล้มเหลวอีกก็เท่ากับว่าชีวิตก็ล้มเหลวเหมือนกัน"
พลเอกอนันต์ บำรุงพฤกษ์ ผู้อนวยการบริหารตึกสูง อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3
กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดและจริงจัง
ในปี 2535 หลังเกษียณราชการของพลเอกอนันต์ก็ได้เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มบริษัทวังเพชรบูรณ์ทันที
ในตำแหน่งที่ปรึกษาผู้อำนวยการใหญ่ และเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารตึกสูงเมื่อเร็วๆ
นี้ สิ่งที่ต้องรับผิดชอบหลักคืองานด้านการก่อสร้างและการตลาดของตัวอาคารสำนักงานสูง
63 ชั้นซึ่งนับว่าเป็นงานสำคัญที่สุดของโครงการเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ของกลุ่มเตชะไพบูลย์
สายสัมพันธ์ที่ต่อเชื่อมให้พลเอกอนันต์เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มนี้ได้นั้นเพราะเป็นนักเรียน
วปอ.รุ่น 2 รุ่นเดียวกับวิรุฬ และวเชียร เตชะไพบูลย์ การเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารในกลุ่มบริษัทวังเพชรบูรณ์นั้นก็เท่ากับว่าเป็นงานใหม่จริงๆ
ที่ไม่เคยทำมาก่อน มันเป็นเรื่องน่าท้าทาย เพราะหลังหมดตำแหน่งรองแม่ทัพภาคเมื่อปี
2534 อนันต์ก็เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และก่อนเกษียณราชการก็ได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของกองบัญชาการทหารสูงสุด
"ยอมรับว่าเสี่ยง แต่ผมก็มั่นใจว่าเราน่าจะช่วยงานบริหารนี้ได้ ยิ่งมารับตำแหน่งนี้ก็ค่อนข้างหนักใจ
แต่เมื่อทุกอย่างมีการจ้างบริษัทมืออาชีพเข้ามาทำงานทั้งหมด ทั้งด้านก่อสร้างและงานขายเราก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ
ส่วนงานบริหารคุณวิรุฬก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเพียงแต่ให้นโยบายกว้างๆ มาเท่านั้น"
งานทางด้านการก่อสร้างอนันต์คอยประสานกับมร.โรเบิร์ต บาเซนเดล ผู้จัดการโครงการของบริษัท
Ove Arup & Partners International ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารงานก่อสร้าง
และควบคุมการก่อสร้างมีวิศวกรโครงสร้างจากบริษัท K.S. Consultants วิศวกรงานระบบจากบริษัท
Rust JRP & Associates ส่วนงานทางด้านการขายก็คยประสานกับบริษัทโจนส์
แลงก์ วูธทั่น
เวิลด์เทรดเคยได้ชื่อว่าเป็นสนามปราบเซียนที่มีมืออาชีพหลายคนเข้ามาร่วมงานกับตระกูลเตชะไพบูลย์
แต่ในที่สุดก็ตบเท้าลาออกเป็นทิวแถว รายละเอียดมีมากมายเป็นข่าวกันมาก็หลายครั้งหลายครา
สรุปสาเหตุได้ใจความสั้นๆ ว่า "ทำงานกับวิรุฬไม่ได้"
พล.เอกอนันต์เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่เข้ามาพิสูจน์สัจธรรมในเรื่องนี้กับตระกูลเตชะไพบูลย์