จีสตีลจ่อถือหุ้นใหญ่NSMซื้อหนี้8พันล้านหวังขึ้นผู้นำธุรกิจเหล็ก


ผู้จัดการรายวัน(27 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจเหล็กแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีกระแสข่าวว่าบริษัทจีสตีล จำกัด(มหาชน)หรือ GSTEELมีแผนที่จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทนครไทยสตริปมิล จำกัด(มหาชน)หรือ NSM ในสัดส่วนประมาณ 30% ภายในระยะเวลาประมาณ 18 เดือนซึ่งในช่วงแรกบริษัทจีสตีลจะถือในสัดส่วนประมาณ 10%เศษ หลังจากนั้นก็จะทยอยเพิ่มสัดส่วนให้ได้ในระดับ 30% ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจีสตีลจะเข้าไปซื้อหนี้จากเจ้าหนี้ของบริษัทนครไทยสตริปมิล ซึ่งเจ้าหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทจีสตีลจะชำระเงิน โดยส่วนหนึ่งบริษัทจีสตีลนั้นจะกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์มาชำระ และอีกส่วนเป็นการออกหุ้นกู้เพื่อเสนอขายให้แก่เจ้าหนี้ของบริษัทนครไทยสตริปมิล

"การที่บริษัทจีสตีลเข้าไปถือหุ้นในบริษัทนครไทยสตริปมิลในครั้งนี้ เกิดจากเจ้าหนี้ของบริษัทนครไทยสตริปมิลได้มีการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการใหม่และได้มีการชักชวนให้บริษัทจีสตีลเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 30%นั้น ส่วนหนึ่งถือได้ว่าเป็นการร่วมมือทางธุรกิจร่วมกัน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการควบรวมแต่น่าจะเป็นลักษณะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันมากกว่าและจะทำให้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในทันที และจะก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ของอำนาจในการต่อรองซื้อสินค้าที่จะมีมากยิ่งขึ้น เพราะทั้งบริษัทจีสตีลและบริษัทนครไทยสตริปมิลนั้นถือเป็นผู้ประกอบการที่ซื้อสินค้าประเภทเดียวกัน"แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับในแง่ของการบริหารงานนั้นในช่วงแรก คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่ในระยะยาวเมื่อครบ 18 เดือนแล้วก็จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งอาจจะมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารได้เช่นเดียวกัน

นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานกรรมการ บริษัทนครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ NSM และกรรมการ บริษัท มหาราชแพลนเนอร์ จำกัดในฐานะผู้บริหารแผนแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่คณะกรรมการเจ้าหนี้ได้มีมติให้แก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.49บริษัทได้ยื่นคำร้องเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางและที่ประชุมเจ้าหนี้ได้พิจารณาและลงมติเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูที่แก้ไขใหม่ของบริษัทเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งคำร้องเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เป็นผลให้แผนฟื้นฟูที่แก้ไขใหม่ดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ทันที

สำหรับสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูที่แก้ไขใหม่นั้น หนี้ทั้งหมดภายใต้สัญญาปรับปรุบงโครงสร้างหนี้จะต้องแปลงเป็นหุ้นสามัญของบริษัท ณ ราคาแปลงสภาพเท่ากับ 0.42 บาทต่อหุ้น ภายใน 18 เดือนนับแต่วันที่มีผลใช้บังคับ

ส่วนหนี้ทั้งหมดภายใต้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ประกอบด้วย หนี้เงินต้น 8,180.82 ล้านบาท ราคาแปลงสภาพหุ้นละ 0.42บาท,หนี้ดอกเบี้ยคงค้าง จำนวน 1,038.78 ล้านบาทราคาแปลงสภาพหุ้นละ 0.42 บาทต่อหุ้น,หนี้ดอกเบี้ยค้างชำระ (ก่อนวันที่มีผลใช้บังคับจำนวน 101.16 ล้านบาทราคาแปลงสภาพหุ้นละ 8.25 บาทและหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระ จำนวน 3,942.52 ล้านบาทราคาแปลงสภาพหุ้นละ 0.42 บาท

ทั้งนี้ จากการแปลงสภาพหนี้ดังกล่าว จะเป็นผลให้มีจำนวนหุ้นสามัญที่แปลงสภาพจากหนี้ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้เท่ากับ 31,350.65 ล้านหุ้นและบริษัทจะมีจำนวนหุ้นสามัญรวมทั้งสิ้น 40,567.30 ล้านหุ้น ทั้งนี้ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม ณ วันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุมัติคำร้องเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ซึ่งมีจำนวนหุ้นทั้งสิ้น 9,216.65 ล้านหุ้นคิดเป็น 22.72% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมดหลังจากการแปลงสภาพหนี้เป็นทุนแล้ว

สำหรับประโยชน์การแปลงหนี้เป็นทุนต่อบริษัทนั้น จะทำให้การแปลงหนี้เป็นทุนของบริษัทตามแผนฟื้นฟูที่แก้ไขใหม่ จะทำให้บริษัทมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้น คือหนี้สินระยะยาวและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บางส่วนจะได้รับวงเงินกู้เพิ่มเติมสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 50-75 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เปิดเผยว่า จาการที่บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL จะเข้ามาซื้อหนี้ของบริษัทจากกองทุน มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากการเข้ามาถือหุ้นของบริษัทเข้าทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งตนเองก็ยินดีต้อนรับ ซึ่งการที่ได้พันธมิตรเป็นคนไทยก็ดีกว่ากับการหุ้นให้กับต่างชาติประกอบกับจีสตีลเป็นบริษัทมหาชนมีหนี้สินน้อยมาก ซึ่งการเข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัท และทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตเหล็กรีดร้อนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ทั้งนี้โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทหลังจากเจ้าหนี้ได้มีการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว จะทำให้บริษัทจีสตีลเข้าทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยตนเองจะมีการถือหุ้นอยู่ที่ 2% และที่เหลือก็จะเป็นเจ้าหนี้ หลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีการอนุมัติแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ

" วันนี้ผมจะนัดคุยกับนายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการบริษัท จี สตีล เพื่อหารือทิศทางการดำเนินงานของNSMจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยขณะนี้ผมมีความสุขมากที่ศาลล้มละลายกลางอนุมัติแก้ไขแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ซึ่งเมื่อเจ้าหนี้มีการแปลงหนี้เป็นทุนจะทำให้NSM เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ทำให้สามารถกู้ยืมเงินมากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจของบริษัทให้มีการเติบโตมากขึ้น ในฐานะที่ผมเป็นผู้บริหารของ NSM ผมต้องการให้บริษัทอยู่ได้อย่างคงกะพัน ซึ่งไม่คิดถึงเรืองความเป็นเจ้าของตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤติเมื่อปี 2540 "นายสวัสดิ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้จำนวน 15,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าปีนี้จะกลับมาเป็นกำไรสุทธิ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีกำลังการผลิตที่ 1 แสนตันต่อเดือน หรือ 1.2 ล้านตันต่อปี โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการขายต่างประเทศ 10%ของกำลังการผลิต โดยราคาขายจะอยู่ที่ 570 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือ 22,000 บาท ต่อตัน ซึ่งเป็นราคาขายที่แพงกว่าการขายในประเทศ อย่างไรก็ตามเจ้าหนี้ของบริษัทได้มีการอนุมัติวงเงินหมุนเวียนการดำเนินงานอีก 70 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ มีเงินทุนหมุนเวียน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

อนึ่งก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวลือในห้องค้าหลักทรัพย์ว่าบริษัทจีสตีลจะเข้าไปถือหุ้นหรือควบรวมกิจการกับบริษัทนครไทยสตริปมิล

สำหรับราคาหุ้นบริษัทจีสตีลเมื่อวานนี้(26 มิ.ย.)ปิดที่ 1.24 บาทเพิ่มขึ้น 0.03 บาทหรือ 2.48% มูลค่าการซื้อขาย 29.26 ล้านบาทส่วนหุ้นบริษัทนครไทยสตริปมิล ราคาปิดที่ 0.43 บาทราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 16.78 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.