|
ศึกโปรโมชั่นมือถือ "พักรบ"3 ค่าย "คัมแบ็ก" จุดขายเดิม
ผู้จัดการรายสัปดาห์(26 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
*ศึกโปรโมชั่นมือถือลดคันเร่ง "เอไอเอส" ส่งสัญญาณแตะเบรกโปรโมชั่น 3-1-1-0 ลง หลังต้องเติมเม็ดเงิน 9,240 ล้านแก้ปัญหาคุณภาพเครือข่าย
* เอไอเอสสงวนท่าที ลุยโปรโมชั่น "ราคา" ต่อหรือไม่ ต้องจับตามองหลังเดือนกรกฎาคมศกนี้หลังเครือข่ายเสร็จ
* ส่วนดีแทคลดความเร่งโปรโมชั่นเช่นกัน หันหาโปรโมชั่นสไตล์เฉพาะตัว "พอดี"
* ทรู มูฟยังความคุ้มค่าต่อ ผสานจุดขาย "คอนเวอร์เจนซ์" ดึงลูกค้า
ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เดือนที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่ง ต้องตบะแตกเดินหน้าเปิดโปรโมชั่นเหนือความคาดหมายที่ผู้นำจะกล้าลงมาเล่น หลังจากที่ผู้ตามอย่างบริษัท โทเทิ่ล แอ็ด หรือดีแทคกับบริษัท ทรู มูฟ จำกัดหรือ "ทรู มูฟ" ต่างกระหน่ำโปรโมชั่น "ราคา" มาตั้งแต่ปีกลางปีที่แล้ว ด้วยโปรโมชั่น "3 1 1 0"
ผลของการเปิดโปรโมชั่นดังกล่าว ส่งผลให้เกิดภาวะเน็ตเวิร์ก "เดี้ยง" โทรเข้า-ออกไม่ได้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น ผู้ใช้เครือข่ายเอไอเอสนั้นเอง
โปรโมชั่นดังกล่าวก่อให้เกิดพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์แนวใหม่ "โทร.โดยไม่วางสาย" ส่งผลให้ประสิทธิภาพการให้บริการของโครงข่ายตกลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเมื่อมีการโทร.ข้ามเครือข่ายด้วยแล้ว อัตราความสำเร็จในการโทรสำเร็จหรือซัสเซสฟูล คอลล์
"แต่เดิมอัตรากาการโทร.สำเร็จข้ามเครือข่ายในช่วงออฟพีคอยู่ประมาณ 96% ลดลงเหลือ 92% แต่ช่วงพีคกลับเหลือเพียง 21.5% หรือเฉลี่ยที่ 57.8% จากเดิมที่อัตราการโทร.สำเร็จข้ามเครือข่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 95%"วิเชียร เมฑตระการ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังถึงปัญญาที่เกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการเปิดสงครามโปรโมชั่นของเอไอเอส
สิ่งที่เกิดขึ้นจากปัญหาดังกล่าว ประการแรก คือ ความไม่เชื่อมั่นในแบรนด์ "เอไอเอส" ที่เดิมเคยเป็นพรีเมียมแบรด์ ผู้ใช้บริการเสียค่าใช้จ่ายในการโทร.ที่สูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นแต่ได้คุณภาพของเครือข่ายที่ดีกว่า และครอบคลุมกว่า
ประการที่สอง มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวมที่ถูกมองว่า มัวแต่แย่งชิงผู้ใช้บริการกันเข้าระบบแต่คุณภาพการให้บริการกลับไม่ดีพอ
ปัญหาดังกล่าวได้เดินทางมาถึงจุดที่ทางคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกทช. เรียกบริษัทเอกชนทั้ง 3 รายประกอบด้วยเอไอเอส ดีแทคและทรู มูฟ รวมถึงบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมกันหาทางออก "ปัญหาโทร.ไม่ติด" ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา จนได้ข้อยุติที่จะมีการลงทุนขยายเครือข่ายที่เชื่อมเข้าหากันว่า ทุกฝ่ายจะขยายเครือข่ายของตนเพิ่มขึ้น
"วิเชียร เมฆตระการ" ผู้บริหารที่ดูแลโครงข่ายของเอไอเอสได้ออกมาบอกว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการโทร.ติดยากในการใช้บริการโครงข่ายของเอไอเอส ทางฝ่ายบริหารได้เสนอแผนการลงทุนพิเศษเพื่อขยายคเรือข่ายจำนวน 231 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 9240 ล้านบาทเพื่อขยายขีดความสามารถและคาปาซิตี้ของเครือข่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายวงจรเชื่อมต่อตรงระหว่างเอไอเอสกับดีแทค และเอไอเอสกับทรู มูฟเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ผญหาโทร.ในเครือข่ายและการโทร.ข้ามเครือข่ายไม่ติด
"เดิมการคำนวณเรื่องคาปาซิตี้ของเครือข่ายของเอไอเอสอยู่ที่การรองรับผู้ใช้บริการได้ทั้งหมด 18.3ล้านเลขหมาย โดยมีอัตาการใช้งานในระดับปกติเฉลี่ยทั้งเครือข่ายประมาณ 2.5 นาทีต่อครั้ง แต่วันนี้เอไอเอสได้ปรับสูตรในการคำนวณด้วยการเพิ่มอัตราการใช้งานในระดับปกติเฉลี่ยทั้งเครือข่ายเพิ่มเป็น 4.5 นาทีต่อครั้ง โดยรองรับผู้ใช้บริการได้ 33 ล้านเลขหมายเท่าเดิม ซึ่งงบที่เสนอไปนั้นจะนำมาลงทุนในเรื่องนี้"
วิเชียรยังบอกอีกว่า สมมติว่า หากอัตราการใช้งานในเครือข่ายลงมาสู่ระดับเดิม ที่ 2.5 นาทีต่อครั้งโดยเฉลี่ย คาปาซิตี้ของเครือข่ายที่เอไอเอสมีอยู่จะสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ถึง 33 ล้านเลขหมาย
การลงทุนในครั้งนี้ของเอไอเอสนอกจากจะเน้นไปที่การเพิ่มความสามารถรองรับการใช้งานหรือคาปาซิตี้ที่มากกว่าที่จะเน้นการขยายสถานีฐานที่ได้ขยายเพิ่มไปก่อนหน้านี้แล้ว 1,444 สถานีฐานในช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งใช้เงินลงทุนในครั้งนั้นประมาณ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เงินลงทุนใหม่นี้อีกส่วนหนึ่งทางเอไอเอจะนำไปขยายวงจรเชื่อมต่อตรงกับผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งเชื่อว่า จะช่วยให้การใช้งานเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่า ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ การใช้งานจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โทร.ภายในเครือข่ายเดียวกันสำเร็จ 96% โทร.ข้ามเครือข่ายสำเร็จประมาณ 80-90% จากเดิมที่สามารถโทร.ได้เพียง 57.8% เท่านั้นในช่วงที่มีปัญหา"
ปัจจุบัน เอไอเอสมีวงจรเชื่อมต่อตรงกับดีแทคจำนวน 601 E1 โดยที่ 1 E1 รองรับการใช้งานได้ 30 คู่สายพร้อมกัน และจะเพิ่มเป็น 882 E1 ภายในเดือนมิถุนายนนี้และเพิ่มอีก 440 E1 ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้รวมแล้วเอไอเอสจะมีวงจรเชื่อมต่อตรงกับดีแทคประมาณ 1,322 E1 ส่วนการเชื่อมต่อตรงระหว่างเอไอเอสกับทรู มูฟ จากเดิมที่ไม่เคยมีการเชื่อมต่อตรงระหว่างกัน โดยภายในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการเชื่อมต่อตรง 444 E1 และเพิ่มอีก 440 E1 ในเดือนกันยายนศกนี้ รวมแล้วจะมีวงจรเชื่อมต่อตรงระหว่างเอไอเอสกับทรู มูฟจำนวน 884 E1
"เชื่อว่าหลังโปรโมชันเรียลที่คิด 3-1-1-0 หมดในสิ้นเดือนกรกฏาคมจะทำให้สถานการณ์โทร.ข้ามเครือข่ายในเดือนส.ค.ดีขึ้น และจะเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากการขยายวงจรเชื่อมต่อตรงดังกล่าวเสร็จสิ้น ผมเชื่อว่าเครือข่ายเอไอเอสจะกลับมามีคุณภาพดีเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่การเพิ่มขึ้นทันทีแบบข้ามคืน แต่จะค่อยๆ ดีขึ้น" วิเชียรกล่าวถึงสถานการณ์เครือข่ายที่จะเปลื่ยนไป
ถอยหนึ่งก้าว
นอกเหนือจากที่เอไอเอสทุ่มเม็ดเงินทางด้านเครือข่ายเพื่อแก้ปัญหาเครือข่ายแล้ว เอไอเอสยังได้ชะลอสงตรามโปรโมชั่น "ราคา" ลง จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ เอไอเอสออกแพกเกจ "เรียล" ที่ให้ลูกค้าโทร.ได้นาน 24 ชั่วโมง โดยเสียแค่ 5 บาท หรือในอัตรานาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 คิด 1 บาท นาทีที่ 3 คิด 1 บาทหลังจากนั้นฟรีจนกว่าจะวางสาย "3-1-1-0" ซึ่งเป็นชนวนต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรม "โทร.ไม่วางสาย" ที่ถือสายแช่ไว้ทั้งวันโดยครอบครองช่องสัญญาณโทรศัพท์มือถือในระบบจีเอสเอ็มที่ถูกออกแบบให้มีการเวียนกันใช้งานตามระยะเวลา จนทำให้ผู้ใช้บริการหมายเลขอื่นไม่สามารถจองช่องสัญญาณใช้งานต่อไม่ได้
ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอสกล่าวยอมรับว่า การตัดสินใจใช้กลยุทธ์ เรื่องราคาอย่างหนักช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเพื่อดึงผู้ใช้บริการรายใหม่นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อผู้ใช้บริการรายเก่าที่เลือกใช้ระบบเอไอเอส ที่มีจุดแข็งด้านโครงข่ายที่ดีที่สุด หากเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งการลงทุนด้านโครงข่ายเพิ่มนั้น ถือเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่จะทำให้จุดแข็งเดิมของเอไอเอสกลับคืนมา และกลับเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการระดับพรีเมียมเหมือนเดิม
"ทางเอไอเอสตัดสินใจหยุดโปรโมชั่นนาที ละ 0 บาท หรือคิดราคาครั้งละ 5 บาท ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ โดยเสนออัตราค่าบริการใหม่ สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนถึงวันที่ 4 กรกฏาคม ซึ่งแพกเกจนี้สามารถใช้งานได้ 4 เดือนโดยอัตราค่าบริการจะมีการแบ่งเป็นช่วงเวลาพีค กับออฟพีคในระบบพรีเพด
โดยช่วงออฟพีคระหว่างเที่ยงคืนถึงบ่าย 2 โมงจะคิดค่าบริการชั่วโมงละ 3 บาท ส่วนช่วงพีคตั้งแต่บ่าย 2 โมงจนถึงเที่ยงคืน คิดค่าบริการ 3-2-1 หรือนาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 คิด 2 บาท นาทีต่อๆ ไปคิดนาทีละ 1 บาทจนกว่าจะเลิกโทร. ส่วนโปรโมชั่นโพสต์เพดก็ยังเป็นแพกเกจเดิม คือ ช่วงออฟพีคระหว่างเที่ยงคืนถึงบ่าย 2 โมงจะคิดค่าบริการ 3 บาท นาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 คิด 1 บาท นาทีที่ 3 คิด 1 บาท นาทีต่อไปไม่คิดค่าใช้จ่ายจนกว่าจะเลิกโทร. ส่วนช่วงพีคจะคิดอัตรานาทีแรก 3 บาท นาทีต่อๆ ไปคิดนาทีละ 1 บาทจนกว่าจะเลิกโทร.
"ในด้านการตลาด เอไอเอสยังใช้เรื่องคุณภาพเครือข่ายเป็นจุดแข็งในการทำตลาดต่อไป ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องเครือข่ายบ้าง แต่เชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ปัญหาจะถูกแก้ได้เรียบร้อย และทำให้เครือข่ายไอเอสกลับไปมีคุณภาพดีเหมือนเดิม"
ฐิติพงศ์ เขียวไพศาลบอกว่า แพกเกจใหม่ของพรีเพดเป็นความพยายามทำให้เรื่องราคากลับมาอยู่ในภาวะสมดุลย์มากที่สุด การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงส่งผลกระทบกับบริการที่เน้นประสิทธิภาพของเอไอเอสเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ เอไอเอสยังขยายฐานตลาดของสวัสดี ลงไปรากหญ้ามากขึ้นด้วยโปรแกรม สวัสดีทั่วไทย ด้วยการลดราคาซิมการ์ดเหลือเพียง 50 บาทและขยายระยะเวลาการใช้งานเพียงเติมเงิน 50 บาทก็อยู่ได้นานถึง 50 วันแต่ค่าบริการนาทีละ 5 บาท
โปรโมชั่นสไตล์แฮปปี้
ทางด้านคู่แข่งเบอร์สองอย่าง "ดีแทค"ก็ชะลอความแรกการออกโปรโมชั่นของตนเองลงมา
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคเคยบอกว่า ดีแทคพร้อมจะปรับรูปแบบการแข่งขันในด้านอื่นๆ มากกว่าเน้นเรื่องราคาต่ำมากๆ อย่างช่วงสงครามราคาที่ผ่านม าแต่ก็ต้องคงไว้ซึ่งโปรโมชั่นราคาประหยัดเพื่อสนองตอบลูกค้าบางกลุ่มด้วย ทั้งนี้ดีแทคจะรอเอไอเอสและทรู มูฟปรับราคาขึ้นก่อนเพราะทั้งคู่ยังมีบางส่วนเหลืออยู่
โปรโมชั่นในระบบพรีเพด "แฮปปี้" ล่าสุดสำหรับผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ที่เป็นซิมแฮปปี้ ซิมเฮฮาและซิมรุ่นเล็กถึงสิ้นเดืนอมิถุนายนได้รับสิทธิถึง 3 ส่วน ส่วนแรกคิดค่าโทร.ครั้งละ 3 บาทนาน 4 เดือน ช่วงเวลาเที่ยงคืนถึง 4 โมงเย็น นอกช่วงเวลาคิดค่าโทรนาทีแรก 5 บาทต่อไปนาทีละ 25 สตางค์ คิดค่าโทร.เป็นวินาที ส่วนที่สอง โทร.ฟรีทุกวันอาทิตย์ตลอด 24 ชั่วโมงนาน 1 เดือน และส่วนสุดท้าย รับค่าโทร.ฟรีสูงสุด 450 บาท แบ่งเป็นรับทันที 50 บาทวันใช้งาน 30 วัน เมื่อเปิดใช้บริการ สำหรับซิมรุ่นเล็กได้ถึง 60 วัน และรับอีก 100 บาทไม่เพิ่มวันทุกๆ 3 เดือนรวม 400 บาทต่อปี
ส่วนในระบบโพสต์ดเพด ดีแทคได้เสนอแพกเกจ "แซด" โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการโทร.หากันภายในเครือข่ายดีแทคเอง ด้วยการศึกษาจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของลูกค้าที่พบว่ากลุ่มวัยรุ่นก่อนวัยทำงานและกลุ่มที่กำลังก้าวสู่วัยทำงานมีพฤติกรรมการใช้งานที่คล้ายคลึงกันคือกว่า 70% ของการใช้งานจะเป็นการโทร.หาเพื่อนหรือคนสนิทประมาณ 5 เบอร์ อีกทั้งเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มในการเลือกใช้เครือข่ายเดียวกันหากได้รับค่าโทรที่คุ้มค่าและเครือข่ายที่สามารถรองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพโดย "แซด" ใหม่มีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 299 บาทต่อเดือน สามารถโทรฟรีไปยัง 5 เลขหมายในระบบเครือข่ายดีแทคทั้งแบบจดทะเบียนและแฮปปี้แบบเติมเงิน ตลอด 24 ชั่วโมง โทรข้ามเครือข่ายคิดค่าโทร 2 นาทีแรกนาทีละ 3 บาท นาทีถัดไปคิดนาทีละ 25 สตางค์
ซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทคบอกว่า วันนี้ดีแทคได้เสนอแนวทางบรรเทาปัญหาการโทรข้ามเครือข่ายด้วยโซลูชั่น ซึ่งเป็นทางออกสำหรับวันนี้ให้กับผู้ใช้บริการที่ไม่อยากพลาดการติดต่อสำคัญ โดยจัดให้ลูกค้าสามารถโทรหา 5 คนสนิทฟรีตลอด 24 ชั่วโมง บนเครือข่ายประสิทธิภาพที่ดีแทคมั่นใจ
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า โปรโมชั่นของดีแทคในช่วงนี้หวนกลับคืนสู่โปรโมชั่นสไตล์ของตัวเอง ที่เน้นความ "พอดี" มีความสุขในการโทร. ซึ่งถือเป็นจุดขายที่ทำให้ดีแทคก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์สองที่ใกล้เบอร์หนึ่งอย่างเอไอเสไม่ห่างเหมือนแต่ก่อน
ขณะที่ "ทรู มูฟ" ยังคงสานต่อเรื่องความคุ้มค่าในการโทร.ในราคาประหยัด โดยเฉพาะจุดขายเรื่องของคอนเวอร์เจ้นท์ทางด้านเทคโนโลยี ที่จะเสนอราคาไม่แพงแต่มีโปรโมชั่นบริการอื่นแถมมาให้ โปรโมชั่นล่าสุดของทรู มูฟในช่วงนี้ ในระบบพรีเพด ทรู มูฟเสนอแพกเกจ "จ่ายน้อยกว่าใช้โปรโมชั่นได้นานกว่า" คิดค่าโทร.ชั่วโมงละ 1 บาท ทุกเบอร์ทั่วไทยจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคมศกนี้ ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 5 โมงเย็น นาทีแรก 3 บาท นาทีต่อไปนาทีละ 1 บาท โทรภายในเครือข่ายทรู มูฟ คิดชั่วโมงละ 1 บาทถึง 15 มกราคมปีหน้า โทรครั้งละ 3 บาทนอกเหนือเครือข่าย ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า โดยผู้ใช้จะต้องจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมถึง 15 กรกฎาคมศกนี้เท่านั้น
แพกเกจ "ไม่ต้องเหมาจ่าย" มีสองแพกเกจให้เลือก แพกเกจแรก แพกเกจคนคุยสั้น นาทีแรก 25 สตางค์ นาทีถัดไป 1.50 บาท สมัครภายใน 15 สิงหาคมศกนี้ แพกเกจที่สอง แพกเกจคุยยาว โทร.ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 5 โมงเย็นนาทีแรก 1.50 บาท นาทีต่อไป 25 สตางค์ โทร.ในช่วง 5 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม 3 นาทีแรกคิดนาทีละ 1.50 บาท นาทีต่อไป 25 สตางค์ ต้องสมัครภายในวันที่ 15 กรกฎาคมศกนี้
จะเห็นได้ว่า โปรโมชั่นของผู้ให้บริการมือถือในเวลานี้ดูชะลอความร้อนแรงในเรื่องราคาลงไปพอสมควร ซึ่งเชื่อว่า จะมีโปรโมชั่นแรงๆ ออกมาหลังจากที่แก้ปัญหาเรื่องเครือข่ายแล้วเสร็จ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|