ฝรั่งหัวดำขายชอร์ตทุบหุ้นปลุกกระแสดึงแม้วฟื้นศก.


ผู้จัดการรายวัน(22 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

แฉกลุ่มทุนการเมืองตัวการทุบหุ้น อ้างต่างชาติเทขายกำไรทิ้งหุ้นหนีปัญหาการเมือง ฉุดเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้จัดการกองทุนชี้ต่างชาติยังเชื่อมั่นพื้นฐานตลาดหุ้นไทย เนื่องจากP/E ต่ำสุดในภูมิภาคเอเชีย หรืออยู่ที่ระดับแค่ 9 เท่า แถมอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังสูงถึง 3.90% ระบุในช่วงที่ผ่านมา "ต่างชาติหัวดำ" กลุ่มทุนการเมืองเทขายหุ้นในพอร์ตเล่นข่าวต่างชาติทิ้งหุ้น อ้างปัญหาการเมือง สั่งขายชอร์ตทำกำไรก่อนยืมหุ้นส่งมอบ สร้างความชอบธรรม "ทักษิณ" กลับมาฟื้นเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้วอลุ่มต่ำสุดรอบ 3 ปี ต่างชาติขาย 366 ล้านบาท กลุ่มปตท.มาร์เก็ตแคปหดนับแสนล้าน

ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีความผันผวนเป็นอย่างมาก หากติดตามข้อมูลการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ช่วงระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม- 21 มิถุนายน 2549 โดยเทียบจากที่ปิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2549 ดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 132.76 จุด หรือ 16.96% จาก 782.50 จุดมาปิดที่ 649.74 จุด เพิ่มขึ้น 2.98 จุด เมื่อวันพุธที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 367.44 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 273.86 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 93.58 ล้านบาท

จากการรวบรวมข้อมูลการซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนของ "ผู้จัดการรายวัน" พบว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมาพบว่า นักลงทุนต่างชาติ ยังคงมียอดซื้อสุทธิ 60,141.67 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 11,381.58 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 48,760.09 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผิดปกติเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้น ซึ่งจากข้อมูลของ MSCI Indexes ซึ่งนักลงทุนต่างชาติใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจลงทุน พบว่า P/E ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำสุด เมื่อเทียบตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดย P/E ตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 9 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูงถึง 3.90% แต่แรงเทขายในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ฉุดให้ผลตอบแทนตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา -10.50%

ขณะที่ MSCI Indexes รายงานว่า ในส่วนของตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลเพียง 2.40% ขณะที่ค่า P/E อยู่ในระดับสูงถึง 14 เท่า ตลาดหุ้นฮ่องกง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 3.20% ค่าP/E อยู่ที่ 12 เท่า ตลาดหุ้นอินเดีย อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 1.30% ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 20 เท่า ตลาดหุ้นมาเลเซีย อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 2.80% ค่า P/E อยู่ที่ 15 เท่า ตลาดหุ้นสิงคโปร์ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 2.80% ค่า P/E อยู่ที่ 16 เท่า ตลาดหุ้นไต้หวัน อัตราผลตอบแทนในรูปเงินปันผลอยู่ที่ 3.80% ค่า P/E สูงถึง 18 เท่า

"หากเราวิเคราะห์เปรียบเทียบโอกาสในการทำกำไรในการลงทุนตลาดหุ้นไทย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชีย จะเห็นได้ชัดเจนว่า ตลาดหุ้นไทยโอกาสการลงทุนยังให้ผลตอบแทนสูงมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ กลุ่มนักลงทุนขาใหญ่ใกล้ชิดกลุ่มทุนการเมือง ขายชอร์ตผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ ซึ่งทำให้เห็นตัวเลขการขายของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งที่ในความเป็นจริงนักลงทุนต่างชาติไม่ได้เทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะกระพือข่าวว่า ต่างชาติขายหุ้นไทย เนื่องจากไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากการเมืองปัญหา ซึ่งในที่สุดจะทำให้การลงทุนของภาครัฐในส่วนของโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ชะลอการก่อสร้าง และเป็นที่มาซึ่งทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ใช้เป็นข้ออ้างในการกลับเข้ามาบริหารเศรษฐกิจโดยชอบธรรม" แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนต่างประเทศกล่าว

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ กล่าวอีกว่า การเข้าไปตรวจสอบการซื้อขายหรือการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ที่ทำคำสั่งขายชอร์ตทำยาก ที่บอกว่าต่างชาติเทขายไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าดูเงินทุนเคลื่อนย้ายแล้ว ในช่วงนี้ไม่เห็นสัญญาณที่ผิดปกติ และช่วงที่ต่างชาติขายจริงคือ ช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าแตะระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้เขามีกำไรถึง 2 ต่อ ทั้งจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มสูงถึง 11% และกำไรที่เกิดขึ้นจากค่าเงินบาท ซึ่งในปัจจุบันเงินของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังคงทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดีเข้าพอร์ต ดังนั้น เราจึงไม่สามารถสรุปจากพอร์ตการลงทุนได้ว่า ที่ว่าต่างชาติขายเป็นต่างชาติจริงๆ หรือต่างชาติหัวดำ ทำคำสั่งขายชอร์ต แล้วปล่อยข่าวปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ กดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง


**เงินต่างชาติยังไม่หนีตามข่าวปล่อย

สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ยืนยันก่อนหน้านี้ชัดเจนว่า แรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติไม่น่าวิตก เนื่องจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย ยังมีอยู่ในระดับสูง เดือนล่าสุด ณ 9 มิถุนายน 2549 เงินสำรองอยู่ที่ 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าแข็งแกร่ง แม้ในบางเดือนจะมีการไหลออกของเงินในรูปดอลลาร์สหรัฐบ้าง แต่นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน กระแสเงินทุนต่างชาติก็ยังไหลเข้ามากกว่าไหลออก และบางครั้งมีการขายทำกำไรจากตลาดหุ้น ก่อนนำไปพักในตลาดพันธบัตรและตราสารหนี้

**โบรกฯ เชื่อต่างชาติหัวดำทุบหุ้น

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติซึ่งมีผลต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่การเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจริง เนื่องจากนักลงทุนไทยที่มีพอร์ตลงทุนสูงมักจะเลี่ยงการเข้ามาลงทุนด้วยการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศแล้วส่งคำสั่งเข้ามาในประเทศเพื่อให้เป็นคำสั่งในส่วนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนที่มองเพียงสัญญาณจากนักลงทุนต่างชาติเข้าใจผิดได้

"เป็นเรื่องที่ยากที่จะสรุปว่าฝรั่งที่เข้ามาซื้อหุ้นในบ้านเราเป็นฝรั่งหัวทองหรือหัวดำ แต่พฤติกรรมการเข้ามาลงทุนหลายอย่างทำให้เชื่อได้ว่าเป็นฝรั่งหัวดำ"แหล่งข่าวกล่าว

**ตลาดหุ้นรีบาวน์-วอลุ่มต่ำสุดรอบ3ปี

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (21 มิ.ย.) ดัชนีเปิดตลาดรีบาวน์ขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศก่อนที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยดัชนีปิดที่ 649.74 จุด เพิ่มขึ้น2.96 จุด หรือ 0.46% จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 651.77 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 647.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5,461.40 ล้านบาท โดยต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี 1 เดือน

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ( ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเป็นไปตามการปรับตามตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่มีพื้นฐานดี

ทั้งนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการขายสุทธิที่น้อยลงของนักลงทุนต่างชาติบ้างแล้ว โดยประเด็นหลักที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยเดิมๆ เช่น ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ในส่วนของนักลงทุนในประเทศเริ่มทยอยเข้ามาซื้อ โดยเฉพาะหุ้นที่มาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดคือสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่านายเบน เบอร์นานเก้ ประธานเฟด จะมีสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่

สำหรับแนวโน้มวันนี้ จะต้องติดตามตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐว่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายน่าจะอยู่ในระดับที่เบาบางต่อไปประเมินแนวรับที่ 643-645 จุด แนวต้านที่ 655 - 657 จุด

นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังได้ต้องรับปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้นักลงทุนยังไม่กลับมาลงทุนรวมถึงมีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง

นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีมีโอกาสรีบาวน์ด้านสัญญาณเทคนิคในกรอบ 648-651 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางมาก เนื่องจากนักลงทุนยังซื้อขายอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้จะต้องรอปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนเพื่อสร้างบรรยากาศในการลงทุนด้วย

**มาร์เก็ตแคปกลุ่มปตท.หดนับแสนล้าน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของกลุ่ม ปตท. ลดลง 200,000-300,000 ล้านบาท ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นซบเซาในขณะนี้ โดยเป็นมาร์เก็ตแคปของ ปตท. หายไปกว่า 100,00 0 ล้านบาท แต่เป็นเช่นนี้เหมือนกันทุกบริษัท เพราะเกิดจากช่วงราคาหุ้นตก มาร์เก็ตแคปหายจาก 5 ล้านล้านบาท เหลือ 4 ล้านล้านบาท โดยดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา โดยปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ขณะที่นับตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น ปตท. ลดลงร้อยละ 7.08 ส่วนดัชนีหุ้นลดลงแล้วร้อยละ 9.38. -สำนักข่าวไทย

**บลจ.ไทยพาณิชย์เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสแกว่งตัวสูง ซึ่งคงต้องใช้เวลาให้นักลงทุนเข้าใจถึงนโยบายทางการเงินของสหรัฐอเมริกา ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศให้เดินไปทางไหน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง ก็มีแผนที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งช่วงที่ดัชนีหุ้นปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 700 จุด บริษัทก็ได้เข้าไปซื้อเป็นบางส่วนแล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.