|
บิ๊กไออีซียันไม่ขัดแย้งผู้ถือหุ้นใหญ่ "บี เตชะอุบล" เล็งซื้อเพิ่มผ่านกองทุน
ผู้จัดการรายวัน(21 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บิ๊กไออีซีออกโรงยันไม่มีความขัดแย้งในกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท ขณะที่ "บี เตชะอุบล" ยันถือหุ้นเพื่อลงทุนระยะยาว เล็งดึงกองทุน OPUS เข้าถือหุ้นไออีซีในอนาคต
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทอินเตอร์เนชั่นเนิลเอนจีเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทเกิดความขัดแย้งกันนั้น ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งการที่นายบี เตชะอุบล ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทนั้น เนื่องจากนายบีได้ไปร่วมจัดตั้งกองทุนกับผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ขึ้นมา
"คุณบีเข้ามาบริหารงานในไออีซี ซึ่งได้เข้ามาดูแลในส่วนธุรกิจมือถือ และได้สร้างทีมงานในระดับมืออาชีพเข้ามาช่วย แต่หลังจากที่คุณบีได้ลาออกไปทำธุรกิจกองทุน ทำให้มีกระแสข่าวว่าผู้ถือหุ้นมีความขัดแย้ง จึงส่งผลทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงและทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับความเสียหาย ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้นไม่ได้กระทบมากนัก เพราะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือหุ้นระยะยาว" นายสุมิทกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการหาพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ขายเฉพาะเจาะจงจำนวน 600 ล้านหุ้นนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็มีนักลงทุนต่างประเทศหลายแห่งที่ติดต่อเข้ามา ส่วนที่มีข่าวว่ากองทุนดูไบจะเข้ามาถือหุ้นนั้นไม่ทราบว่าข่าวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
นายบี เตชะอุบล อดีตกรรมการ บริษัทอินเตอร์เนชั่นเนิลเอนจีเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ตนถือหุ้นบริษัทไออีซีจำนวน 50 ล้านหุ้น ซึ่งยังมีแผนที่จะถือหุ้นในระยะยาวต่อไป และในอนาคตถ้ามีโอกาสก็อาจจะนำกองทุน OPUS เข้ามาถือหุ้นในบริษัทไออีซีก็ได้
"ผมเข้าถือหุ้นในบริษัทไออีซีตั้งแต่เดือนกันยายนปีก่อน และเมื่อเข้ามาแล้วก็เห็นว่าบริษัทไออีซีนั้นถือเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่แต่มีสินค้าที่ขายไม่มากนัก ดังนั้นจึงได้มีการปรับโครงสร้างบริหาร เพื่อให้องค์กรมีความแข็งแกร่ง โดยดูแลด้านค้าส่งและค้าปลีกและช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็ได้มีการเพิ่มทุนทำให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น" นายบีกล่าว
ในช่วงที่ผ่านมาตนได้ร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่เคยเป็นผู้จัดการกองทุนของโกลแมนแซคส์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ OPUS Thailand Opportunity Fund ซึ่งมีบริษัทโกลบอลเอสเตทของตนเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 40% ซึ่งบริษัทร่วมทุนนี้จะบริหารกองทุน OPUSซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) โดยมีมูลค่ากองทุนเบื้องต้น 10 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่มเป็น 50,100 และ 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 18 เดือนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้"นายบีกล่าว
ทั้งนี้กองทุน OPUS จดทะเบียนในเกาะเคย์แมน และมีนโยบายลงทุนในธุรกิจด้านไอทีและมีเดีย บริษัทในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นที่บริษัทไทย และฮ่องกงเป็นหลัก รวมถึงตลาดในสิงคโปร์, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวันฯลฯ โดยสัดส่วนจะเป็นในประเทศไทยประมาณ 40% และต่างประเทศ 60% ซึ่งผู้ลงทุนเป็นบุคคลส่วนตัวและกองทุนอื่นๆ จากยุโรป เอเซีย และออสเตรเลีย และจะเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีขนาดกลางและขนาดเล็กในตลาดต่างๆ ซึ่งกองทุนนี้จะเริ่มเข้าลงทุนได้ภายในกรกฎาคมนี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|