ไอทีวีทรุดหนัก รูดต่อ 10.7% โบรกฯ แนะทิ้งรอผลค่าปรับ


ผู้จัดการรายวัน(21 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นักลงทุนทิ้งหุ้นไอทีวีต่อ กดดันราคาร่วงอีก 10.71% ปิดที่หุ้นละ 2.50 บาท หลังโบรกเกอร์แนะนักลงทุนขาย-เลี่ยงลงทุน เหตุยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการคำนวณค่าปรับจากการผิดสัญญา ด้าน คปส.เสนอ 2 แนวทางแก้ปัญหา ขณะที่ “สำนักปลัด” แบไต๋ เปิดประตูเจรจากับไอทีวี เผยกำหนดค่าปรับไว้สูง เพื่อป้องกันผิดสัญญา ขณะที่ “รักษาการส.ว.” จี้ ไอทีวีก้มหน้าฟังศาลปกครองดีกว่าตะแบง พร้อมฉวยโอกาสนี้ทวงคืนไอทีวีให้เป็นของประชาชน

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (20 มิ.ย.) ดัชนีเปิดในแดนลบตามการปรับลดลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ และปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ก่อนดัชนีปิดที่ระดับ 646.78 จุด ลดลง 12.90 จุด หรือ 1.96% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 653.67 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 644.56% มูลค่าการซื้อขาย 8,783.83 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 407.52 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 4.90 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 402.62 ล้านบาท

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบมจ.ไอทีวี หรือ ITV ราคายังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาปิดที่ 2.50 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 10.71% โดยราคาต่ำสุดของวันอยู่ที่ 2.42 บาท มูลค่าการซื้อขาย 70.75 ล้านบาท

นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า การปรับลดลงของตลาดหุ้นในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องเชื่อว่า จุดต่ำสุดในรอบนี้น่าจะยังอยู่ที่ 640 จุด แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีจะปรับตัวลดลงผ่านระดับดังกล่าว

ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาจากปัจจัยลบอื่นๆประกอบด้วย เนื่องจากหากปัจจัยลบของตลาดหุ้นในภูมิภาคประเทศใดประเทศหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงจนส่งผลต่อตลาดหุ้นในประเทศนั้นๆ อาจจะเป็นปัจจัยลบที่เข้ามาซ้ำเติมปัจจัยลบเดิมที่มีอยู่

สำหรับมูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยที่แม้ว่าปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก แต่หากพิจารณาสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนแต่ละประเภทจะเห็นว่าสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในระดับที่สูงซึ่งอาจจะสะท้อนได้ถึงการขายสุทธิอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงยังคงเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่หลายฝ่ายกลับมาพูดถึงและเกิดความกังวลอีกครั้ง เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วโลกต่างปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน

"ทั้งนี้จะต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลกมาจากผลกระทบจากความกังวลไม่กี่ปัจจัย โดยตลาดหุ้นในต่างประเทศหลายแห่งก็ปรับตัวลดลง เช่น ไต้หวัน 3% เกาหลี 2% สิงคโปร์ 1.8% ฟิลิปปินส์ 2% ฮ่องกง 1% ญี่ปุ่น 1.4% ซึ่งคาดว่ายังเป็นนักลงทุนต่างชาติขายออก" นายสุกิจกล่าว

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติยังสับสนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งคาดว่าความกังวลจะเกิดขึ้นอีกราว 1 สัปดาห์ก่อนจะถึงช่วงการประชุมของเฟด ขณะที่บริษัทยังใช้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นหลักในการพิจารณาลงทุน โดยเฉพาะความสามารถการทำกำไรของบริษัท

**โบรกฯ แนะทิ้งไอทีวี

นางสาววิริยา กล่าวถึงราคาหุ้นไอทีวี หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุดสรุปค่าปรับเรียบร้อยแล้วว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้น ITV ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากตัวเลขที่ได้ยังมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างการคำนวณของสำนักงานปลัดสำนักงานนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. กับไอทีวี

"คงต้องรอความชัดเจนจากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดอีกครั้งว่าจะสรุปในเรื่องดังกล่าวอย่างไร ในส่วนของนักลงทุนยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนเนื่องจากจะต้องรอความชัดเจนของเงินค่าปรับก่อน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมากแล้วก็ตาม"

บทวิเคราะห์บล.ซิกโก้ แนะนำ 'ขาย' ราคาตามปัจจัยพื้นฐานหุ้นอยู่ที่ 2.12 บาท โดยระบุว่าสถานการณ์ของ ITV ในตอนนี้เหมือนผู้ป่วยอาการโคม่าที่กำลังเจอโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าทั้งราคาในปัจจุบันที่แม้ว่าจะปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมานับแต่วันตัดสินคดี แต่ก็ยังคงสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เราให้ไว้

ทั้งนี้ แนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่รักความเสี่ยงว่า อย่าเสี่ยงกับ ITV จะดีกว่าเนื่องจากความเสี่ยงของ ITV ไม่ได้เป็นความเสี่ยงในสองขั้วว่าจะได้หรือเสีย แต่เป็นความเสี่ยงที่ว่าจะเสียมากหรือเสียน้อยเท่านั้น

บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ระบุว่าในระยะกลาง-ยาวยังเป็นช่วงที่ราคาหุ้น ITV อยู่ในแนวโน้มลง ทิศทางระยะสั้นยังมีแรงเทขายออกมาทำจุดต่ำสุดใหม่พร้อมปริมาณการซื้อขายในช่วงก่อนปิดตลาดฯ ทำให้ทิศทางระยะสั้นมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ แนวรับ 2.46 แนวต้าน 2.84-2.90

**คปส.เสนอ 2 ทางออก

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) กล่าวว่า การปฏิรูปสื่อโทรทัศน์โดยรูปธรรมจะต้องสร้างช่องทีวีสาธารณะขึ้นมา 1 ถึง 3 ช่อง เหมือนกรณีไอทีวีเริ่มแรก สำหรับกรณีไอทีวีเองก็จะกลับเป็นต้นแบบอีกครั้งหนึ่ง หลังจากศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้การแก้ไขสัญญาสัมปทานเป็นโมฆะ ส่งผลให้ไอทีวีประสบภาวะขาดทุนและไม่สามารถจ่ายเงินดังกล่าวได้ และอาจจะต้องยกเลิกสัมปทาน

"หากจะต้องทำสัมปทานใหม่หรือสร้างไอทีวีใหม่จะทำได้อย่างไร หรือให้ไกลกว่านั้นคือให้ช่องไอทีวีและช่อง 11 มีความเป็นอิสระเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปสื่ออื่นๆ โดยการถ่วงดุลข่าวสารกับสื่อนั้นๆ ได้"

สำหรับข้อเสนอของ คปส.และภาคประชาชนเกี่ยวกับอนาคตของไอทีวียังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนนัก เนื่องจากมีความเห็นแตกต่างกันหลายฝ่าย ด้านหนึ่งเสนอว่าให้ยกเลิกรูปแบบเก่าที่เคยทำมา และให้ไอทีวีได้รับเงินสนับสนุนผ่านภาษีโดยตรงจากประชาชน คล้ายกับการจ่ายค่าน้ำหรือค่าไฟ ซึ่งจะสะท้อนการรับผิดชอบต่อประชาชนได้

ขณะที่อีกด้านหนึ่งเสนอให้คงฐานะเป็นองค์กรกึ่งธุรกิจ แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขพอที่จะเป็นหลักประกันที่จะต้องเป็นอิสระจากรัฐและทุน โดยรูปแบบอาจจะเป็นการได้ทุนตั้งต้นจากรัฐ หลังจากนั้นก็จะต้องตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน รวมทั้งอาจมีเงื่อนไขประเภทห้ามนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นหลักประกัน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งสองด้านล้วนมีจุดอ่อนที่แตกต่างกัน ด้านแรกอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับสังคมไทยที่ต้อง “จ่าย” เพื่อการดูทีวี ในขณะที่ข้อเสนอหลังที่คล้ายคลึงกับรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรอิสระก็ไม่มีหลักประกันได้ว่าจะไม่มีการแทรกแซง ซึ่งกรณีของ กกต.เป็นข้อสะท้อนที่ชัดเจนที่สุด แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปว่าจะใช้แนวทางใด

**สปน.ยันค่าปรับ 7 หมื่นล้าน

นายรองพล เจริญพันธ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าการคำนวณค่าปรับสถานีโทรทัศน์ไอทีวีกว่า 7 หมื่นล้านบาทนั้นเป็นไปตามสัญญาข้อ 11 วรรคท้ายที่กำหนดให้ปรับร้อยละ 10 หรือตกประมาณวันละ 100 ล้านบาท ซึ่ง สปน. ไม่สบายใจกับจำนวนเงินดังกล่าวเพราะไม่อยากให้กระทบกับบริษัท เนื่องจากความจริงแล้วไม่ใช่ความผิดของไอทีวี แต่ก็จำเป็นต้องดำเนินการไปตามสัญญา

"ผมยืนยันว่า หลักเกณฑ์การคำนวณค่าปรับไม่ผิดกฎหมายมหาชน เพราะเป็นไปตามสัญญาที่ต้องเขียนสัญญาให้มีค่าปรับจำนวนมากไว้เพื่อป้องกันการผิดสัญญา แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเจรจากับไอทีวีหากมีความพร้อมทั้ง 2 ฝ่าย โดยการค่าค่าปรับของการปรับผังรายการ ค่าตอบแทนและดอกเบี้ยนั้นไอทีวีต้องดำเนินการทันที "

**ชินฯ ขายสมบัติชาติ

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ รักษาการส.ว.อุบลราชธานี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปสื่อวุฒิสภา กล่าวถึงแนวทางการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดไม่น่าจะแตกต่างจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง แม้ว่าไอทีวีอ้างจะรอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นไอทีวีน่าจะเตรียมรับมือโดยการวางกระบวนการที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงซึ่งหากคิดตามจำนวนเงินค่าปรับของสปน.แล้วไอทีวีน่าจะพ่ายแพ้

“ถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้บริหารไอทีวีและประชาชนรวมทั้งรัฐบาลควรจะกลับมาไตร่ตรองการจะนำทรัพยสมบัติชาติมาซื้อขายควรจะไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะเมื่อต่างชาติซื้อไปเขาก็ได้ของมีตำหนิ และคนที่จะถูกครหาที่สุดคือกลุ่มชินคอร์เปอเรชั่น” นพ.นิรันดร์ กล่าว

นายจอน อึ๊งภากรณ์ รักษาการส.ว.กทม.ในฐานะแกนนำในการต่อสู้เพื่อทวงคืนไอทีวีให้กลับมาเป็นของประชาชน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไอทีวีถือเป็นโอกาสอันดีที่ทางกลุ่มจะดำเนินการทวงคืนไอทีวีเพื่อกลับมาเป็นของประชาชน ซึ่งตอนนี้ตนได้นัดองค์กรภาคประชาชนและองค์กรสื่อมวลชน และพนักงานในไอทีวีรวมทั้งนักวิชาการมาระดมความคิดว่าจะมีช่องทางทางด้านกฎหมายอย่างไรที่จะสามารถนำไอทีวีกลับมาเป็นของคนไทยและเป็นอิสระปลอดจากการเมืองย่างแท้จริงได้

“ผมอยากต่อสู้เรียกร้องให้ไอทีวีกลับมาเป็นของประชาชน กลับมาสู่เจตนารมณ์ในการก่อตั้งดังเดิมคือสถานีโทรทัศน์เพื่อประชาชนที่แท้จริงเพราะเราต้องยอมรับความจริงว่าขณะนี้ไอทีวีบิดเบี้ยวไปเยอะแล้ว” นายจอน กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.