SLCยันไม่ปรับเป้ารายได้ปีนี้เผยไตรมาส2ผลงานยังเจ๋ง


ผู้จัดการรายวัน(20 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

slc ยังไม่ปรับเป้าปีนี้ พร้อมเผยผลงานไตรมาส 2 จะออกมาดี แม้การเมืองส่งผลต่อเศรษฐกิจ เพราะธุรกิจขนาดเล็กและกลางไม่ได้รับผลเหมือนโครงการใหญ่ พร้อมเพิ่มสินค้าให้หลากหลายและหาลูกค้าต่างประเทศเพิ่มช่องทางสร้างรายได้

นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) (SLC) เปิดเผยว่าปีนี้เป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ตั้งไว้ 10% จากปี 48 หรือรายได้ประมาณ 120 ล้านบาท

พร้อมเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ว่าจะออกมาดีเพราะดูจากภาพรวมของบริษัท แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นมาบ้างก็ตาม และยังคงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 120 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากธุรกิจขนาดเล็กและกลางจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา แต่โครงการใหญ่ ๆ จะได้รับผลเนื่องจากต้องรอผลการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน เพราะธุรกิจซอฟแวร์มีปริมาณไม่มาก และบริษัททยอยรับรู้รายได้เรื่อย ๆ ขณะเดียวกัน SLC ก็ต้องพยายามหางานมือ (BACK LOG ) เพิ่มขึ้นด้วย

“เปรียบเทียบ 5 เดือนปีนี้กับ 5 เดือนปี 48 เพราะมีงานในมือปีนี้เพิ่มเป็น 40-45% จากปีก่อน และครึ่งปีหลังเราจะเข้าบิดเพิ่มอีกวงเงิน 150 ล้านบาท แต่ก็เป็นโครงการที่หลากหลายและเม็ดเงินไม่ได้มาก ” นายนิทัศน์กล่าว

นอกจากนี้ เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริหาร SLC ต้องพยายามหาวิธีแก้ไขเพื่อรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับโครงสร้างรายได้ของเราเป็นจากรัฐต่อเอกชนคือ 60 % และ 40% จากเดิมที่รายได้ของเราอยู่ที่ 80 % และ 20% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม SLC ก็ยังหวั่นต่องบประมาณที่แม้ว่ารัฐได้อนุมัติงบประมาณในหลายโครงการไปแล้ว แต่เมื่อมีปัญหาหรือปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะจัดตั้งได้เมื่อใด จึงยังคาดการณ์ได้ยาก และอาจมีการดึงงบประมาณกลับคืน จะส่งผลให้งานที่ได้รับมอบหมายหรืองานที่กำลังจะเข้าประมูลอาจหยุดชะงักลงหรือชะลอตัวไปก่อน อันจะส่งผลให้กระทบต่อการดำเนินงานบ้าง

โดยปีนี้ SLC จะรุกธุรกิจซอร์ฟแวร์ยังเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ขณะที่ฮาร์ดแวร์นั้นจะเป็นส่วนน้อย ซึ่งระบบ ERP หรือระบบบริหารทรัพยากรขององค์กร ซึ่งภาครัฐจะคุมระบบงบประมาณและบัญชีของรัฐจะคุมหน่วยงานรัฐได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีงาน GSMIS หรือ สำนักงานอัตโนมัติที่รัฐต้องการให้หน่วยงานแต่ละแห่งสามารถซัพพอร์ทงานกันได้อย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน การให้บริการในสำนักงานอัตโนมัติและ EASY QUICK ซึ่งธุรกิจอันหลังนี้พบว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก ส่งผลให้ SLC จะหันไปบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รองรับความต้องการของลูกค้าด้วย ที่สำคัญธุรกิจนี้มีกรอสมาร์จิ้นสูง และขณะนี้มีลูกค้าต่างประเทศจะเข้ามาเจรจากับบริษัทเพื่อทำความเข้าใจเพื่อจะขอใช้บริการต่อไป

โดย EASY QUICK จะเป็นตัวทำรายได้ของบริษัทอีกทางหนึ่ง และ 4 เดือนที่ผ่านมาพบว่า บริษัททำรายได้เกินกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ การรุกหาลูกค้าต่างประเทศเพิ่มจึงเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายและลดความเสี่ยงที่จะอิงรายได้เพียงธุรกิจซอฟแวร์เท่านั้น

นายนิทัศน์กล่าวว่าช่วงครึ่งปีหลัง SLC จะยังคงุรุกธุรกิจซอฟแวร์ การทำไอที มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง รุกอีคอมเมิรช์ อีออฟฟิศ ตลอดจนออกสินค้าและบริการที่หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งการหาตลาดใหม่ ๆ การเปิดแฟรนไชน์ของต่างประเทศ ลักษณะของการแลกเปลี่ยน รวมทั้งการทำจัดอบรมที่ SLC เริ่มบุกตลาดนี้มากขึ้นป้องกัน ความเสี่ยงของธุรกิจ และต้องหางานจากภาคเอกชนทดแทนงานภาครัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน

“ ล่าสุดเพิ่งลงทุน 10 ล้านบาท ทำโปรแกรม OPEN SOURCE ซึ่งเราดำเนินการแล้วและคาดว่ารายได้จะเข้ามาไตรมาส 4 ก็จะเห็นผล ปีหน้าจะเพิ่มสินค้าและบริการมากขึ้น รวมทั้งหาตลาดใหม่ ๆ ” นายนิทัศน์กล่าว

โดยกรอสมาร์จิ้นของยอดขายอยู่ที่ 25% แต่บางโครงการที่รับมาเมื่อติดตั้งสินค้าหรือเมื่อขายได้จะพบว่าอาจต่ำอยู่ที่ประมาณ 10% เนื่องจากมีการแข่งขันสูงและก็ยอมขายในราคาที่ต่ำลง เพื่อแลกกับกำไรเพียง 3-4% เท่านั้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจซอร์ฟแวร์ 75% ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจฮาร์ดแวร์ ซึ่งปีนี้ BSC WORK FLOW ก็เป็นอีกโปรแกรมใหม่ที่ในต่างประเทศมีการใช้กันมาก

สำหรับเป้าหมายของปี 50 ยังประเมินได้ยาก เพราะเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้บริษัทต้องปรับความเสี่ยงในการดำเนินงาน รวมทั้งหาตลาดต่างประเทศเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.