|
หนังไทยครึ่งปีแรกตก8%
ผู้จัดการรายวัน(20 มิถุนายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลาดหนังไทยรวมครึ่งปีแรกลดลง 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งๆที่ปริมาณหนังมากกว่า สาเหตุหนังทำเงินมากมีน้อยกว่า ชี้ครึ่งปีหลังทิศทางดีขึ้นคาดหนัง เรื่องนเรศวร ช่วยกระตุ้นยอดรวมโต จีทีเอช ครวญยอดหาย 20% จากเป้าที่วางไว้ 700 ล้านบาท หลังฉายหนังได้เพียง 6 เรื่องจากที่วางแผนไว้ 7 เรื่อง ล่าสุดเตรียมอัดหนัง 5 เรื่องกระตุ้นรายได้
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีทีเอช จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ว่า โดยภาพรวมแล้วตลาดรวมมีอัตราการเติบโตที่ลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมามีหนังไทยเข้าฉายจำนวน 17 เรื่อง มีรายได้รวมกว่า 494 ล้านบาท แต่ปรากฏว่ามูลค่ารวมในช่วงครึ่งปีนี้กลับมีอัตราที่ลดลงในขณะที่จำนวนเรื่องที่เข้าฉายมีจำนวนที่มากกว่าด้วยซ้ำไปคือมีประมาณ 19 เรื่อง แต่กลับพบว่ามียอดรายได้เพียง 455 ล้านบาทเท่านั้น มูลค่าตลาดรวมลดลงถึง 8% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดรายได้รวมครึ่งปีแรกของหนังไทยในปีนี้ลดลงเป็นเพราะหนังมีจำนวนมากกว่าก็จริง แต่เป็นหนังที่ทำเงินมากกลับมีน้อยมากถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในช่วงระยะเวลา 4 เดือนแรกภาพยนตร์ที่สามารถทำเงินได้จำนวนมากมีเพียงเรื่อง เด็กหอ และ หลวงพี่เท่ง เพียง 2 เรื่องเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านเข้าช่วงต้นเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าหนังทำเงินเริ่มมีเข้ามาบ้างแล้วทำให้สามารถสร้างยอดคนดูเพิ่มขึ้นบ้างเช่น เรื่องรักจังและเรื่องหนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ เข้ามาฉายในช่วงเดือนนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กระตุ้นตลาดได้
“ผมมองว่า ในช่วงครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมหนังไทยจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องรอเข้าฉายอีกมากจะทำให้พฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาชมภาพยนตร์จากเดิมจะมีความถี่ในการเข้ามาชมภาพยนตร์ 2 ครั้งต่อเดือนกลับมาเข้าชม 1 เรื่องต่อสัปดาห์ อีกทั้งยังมีภาพยนตร์ไทยฟอร์มใหญ่เข้าฉาย อาทิ พระนเรศวร ที่รอคิวเข้าฉายในช่วงปลายปี ซึ่งเรื่องพระนเรศวรอาจทำให้ส่วนแบ่งของภาพยนตร์ไทยจากตลาดรวมทั้งหมดมีแชร์ขยับขึ้นจากเดิม จากที่ภาพยนตร์ไทยมีแชร์ในตลาดอยู่ 30% หรือมีมูลค่ากว่า 400 -500 ล้านบาทขยับเพิ่มจากเดิม อีก 6-7% หรืออาจเพิ่มขึ้นเป็น 40% ก็เป็นได้”
สำหรับภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกนี้มีดังนี้ 1.ก้านกล้วย 2.โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง 3.หนูหิ่นเดอะ มูฟวี่ 4.รักจัง และ 5.เด็กหอ
นายวิสูตรกล่าวต่อถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่า บริษัทฯมีแผนเตรียมฉายภาพยนตร์ประมาณ 5 เรื่อง ภายหลังจากที่ได้ปล่อยเรื่องเด็กหอเข้าฉายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดีในระดับหนึ่งและในช่วงเดือนกรกฎาคมจะทยอยเข้าฉายให้ครบไปถึงปลายปีอีกประมาณ 5 เรื่อง เรื่องแรกจะเข้าฉายประมาณเดือนกรกฎาคม คือ 1.เรื่องแก็งชะนีกับอีแอบ 2.เรื่องโกยเถอะโยม 3.ซีซั่นเชนจ์ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย 4.เก๋า และ 5.เรื่องโอเน็ต เอเน็ต เอ็นไม่หมูติดมันส์
ในส่วนของแผนการดำเนินงานนั้นบริษัทฯมีแผนกำหนดให้หนังเข้าฉายทั้งปีประมาณ 7 เรื่อง แต่หลังจากที่หนัง เรื่องหมากเตะโลกตะลึง โดนแบนยังไม่ให้เข้าฉายทำให้ทั้งปีนี้บริษัทฯจัดฉายเพียง 6 เรื่องเท่านั้น ส่งผลให้เป้าหมายที่วางไว้ 700 ล้านบาท อาจจะลดลงจากเดิม 20% เนื่องจากสูญรายได้จากเรื่อง หมากเตะโลกตะลึง ไปพอสมควร
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|