อีจีวีชี้ปี 46 ธุรกิจบันเทิงโตสุดขีด พร้อมเปิดแผนขยายธุรกิจเชิงรุก


ผู้จัดการรายวัน(10 มกราคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปีนี้ว่าถือเป็นปีทองของทั้งสองธุรกิจ ที่เชื่อว่าจะขยายตัวอย่างมาก ดูได้จากจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศที่จะเข้ามาฉายในประเทศไทยมี 200 เรื่อง ไม่รวมถึงภาพยนตร์ต่างประเทศจากค่ายอิสระที่จะมีอีก 100 เรื่อง แต่ในจำนวนนี้เชื่อว่าจะมีโอกาสได้ฉายในโรงภาพยนตร์ 50 เรื่อง และเป็นภาพยนตร์ไทยอีก 50 เรื่อง ซึ่งโดยรวมแล้วคาดว่าจะมีภาพยนตร์เข้าฉายรวม 400 เรื่องในปีนี้

“ในจำนวนภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปีนี้ มีภาพยนตร์ที่น่าสนใจจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น แมททริก ที่จะฉายทั้งสองภาค ในปีเดียวกัน สตรีเหล็กภาค 2 ที่ต้องจับตามองกันว่าจะทำรายได้ดีกว่าภาคแรก หรือเรื่องฮีโร่ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดรวมของโรงภาพยนตร์ในปีนี้มีมูลค่าถึง 3,500 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 3,200 ล้านบาท”

ทั้งนี้ กลุ่มอีจีวี ได้เตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจเชิงรุก ทั้งการปรับปรุงสาขาเดิม ขยายสาขาใหม่ และการหานวัตกรมทางการตลาดใหม่ๆมานำเสนอ โดยการปรับปรุงสาขาเดิมนั้น อีจีวีได้ใช้งบ 250 ล้านบาท ปรับโรงภาพยนตร์เดิมให้เป็นโรงโกลด์ คลาส 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาบางแค เพิ่ม 2 โรง แฟชั่นไอส์แลนด์ 1 โรง ซีคอนสแควร์ 1 โรง และลาดพร้าว (อิมพีเรียล ลาดพร้าว) 1 โรง นอกจากนี้ในสาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า บริษัทจะขยายโรงภาพยนตร์ ด้วยการเช่าพื้นที่เพิ่มอีก 2,500 ตารางเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวแต่เดิมเป็น ปิ่นเกล้า ฮอลล์ สำหรับแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งพื้นที่ส่วนที่เพิ่มขึ้นจะสร้างเป็นโรงโกลด์ คลาส (โรงภาพยนตร์ที่ใช้เก้าอีกนวม ราคาบัตรใบละ 300 บาทต่อที่นั่ง) ไม่น้อยกว่า 2 โรง และเพิ่มพื้นที่บริการให้มากขึ้น โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในปีนี้

สำหรับการขยายสาขานั้น คาดว่าจะมีสาขาใหม่ 3 สาขา คือ ที่บิ๊กซี ราชดำริ พื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท ส่วนอีก 2 สาขานั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการายใดเข้าไปเปิดให้บริการ

นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทไม่มีเป้าหมายที่จะเน้นการขยายสาขาจำนวนมาก แต่ที่สิ่งที่ต้องการนำเสนอก็คือ รูปแบบของบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่อีจีวีจะเป็นผู้ริเริ่มก่อนใคร เพื่อสร้างความเป็นผู้นำในธุรกิจบันเทิง และคาดหวังว่าด้วยบริการที่แปลกใหม่จะส่งผลให้อีจีวี เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภค

“นับจากนี้ไปเราจะนำเสนอสิ่งแปลกใหม่เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งช่วงปลายเดือนอีจีวีจะเปิดตัวรูปแบบของการชมภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนใคร และจะหารูปแบบกิจกรรมใหม่ๆมานำเสนอ ซึ่งที่ผ่านมาอีจีวีประสบความสำเร็จจากการจัดกิจกรรมดูหหนังมาราธอน ที่สามารถทำลายสถิติในกินเนสต์ บุค ได้เป็นผสำเร็จ และในปีนี้เชื่อว่ากิจกรรมที่อีจีวี นำมาเสนอจะต้องเป็นที่กล่าวขานกันอีกเช่นกัน”

ทั้งนี้อีจีวี จะใช้งบทางด้าการตลาดในปี 2546 จำนวน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อสื่อโฆษณา 50 ล้านบาท และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย 50 ล้านบาท โดยคาดว่าปีบัญชี 2545 จะทำยอดขายได้ 1,100 ล้านบาท (เริ่ม ก.ค.2545 - มิ.ย.2546) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 900 ล้านบาท โดยสัดส่วนของรายได้มาจาก การขายตั๋วหนัง 75% อาหารและเครื่องดื่ม 12% โฆษณาในโรงภาพยนตร์ 8% และการให้บริการเช่าโรงภาพยนตร์จัดงาน 5% ซึ่งในปีนี้สัดส่วนรายได้จากการให้บริการจัดงานในโรงภาพยนตร์จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 10% ในขณะที่สัดส่วนจากการขายตั๋วหนังจะลดลง

ไตรมาสสองเข้าตลาด

นายวิชัย ยังได้กล่าวถึง แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า คาดว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้น่าจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ โดยอีจีวี ได้นำหุ้นออกมาจำหน่าย 20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 70% จะถือหุ้นโดยตระกูลพูลวรลักษณ์ และกลุ่มบริษัท โฟกัส โกลบอล จำกัด และอีก 10% ถือหุ้นในนามส่วนบุคคล เช่น ดร.สุวรรณ วลัยสเถียร เป็นต้น โดยเงินทุนที่ระดมได้ จะนำไปใช้เพื่อการลดหนี้บางส่วน และอีกส่วนจะใช้เพื่อการขยายสาขาต่อไป



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.