คนเตชะอุบลไขก๊อกจากบอร์ดIECเหตุหันจับมือต่างชาติตั้งกองทุนรวม


ผู้จัดการรายวัน(15 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กไออีซี แจงเหตุลผล"บี เตซะอุบล"ลาออกจากกรรมการ เหตุไม่ต้องการให้ถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน หลังจับมือพันธมิตรตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในและนอกตลาดหลักทรัพย์ ระบุตลท.อุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองเป็นเรื่องปกติ ย้ำต้องการให้พิสูจน์ข้อเท็จจริง เปรยตลาดเลือกปฎิบัติหุ้นหวือหวาบางรายไม่โดนมาตรการเดียวกัน

นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน)หรือ IEC กล่าวถึงการลาออกของนายบี เตชะอุบล จากการเป็นกรรมการบริษัทว่า ก่อนหน้านี้นายบี ได้เข้ามาเพื่อร่วมบริหารงานโดยได้เข้ามาจัดทีมงานทางด้านโทรศัพท์มือถือซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นทีมที่มีความพร้อมและแข็งแกร่งทุกด้าน

ทั้งนี้นอกเหนือจากงานของบริษัทแล้ว นายบี ยังได้มีการจัดตั้งกองทุนประมาณ 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐโดยร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตรทั้งจากยุโรป ออสเตรเลีย เพื่อลงทุนในธุรกิจทั้งในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ จึงทำให้หากยังเป็นกรรมการของบริษัทอาจจะเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนจึงของลาออกจากการเป็นกรรมการของบริษัท

อย่างไรก็ตาม บุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทแทนนายบี เตซะอุบล จะต้องรอการประชุมคณะกรรมการของบริษัทในเดือนนี้พิจารณาว่าจะให้ใครเข้ามาเป็นกรรมการแทน

"ที่คุณบีลาออกเป็นเพราะไม่อยากให้คนมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกัน แต่การเข้ามาเป็นกรรมการของคุณบี ก่อนหน้านี้เค้าเข้ามาสร้างทีมงาน ด้านโทศัพท์มือถือซึ่งตอนนี้ถือว่าเราแข็งแกร่งมาก"นายสุมิทกล่าว

สำหรับกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ภายหลังที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองและให้ยกเลิกคำสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement)และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading)ในหุ้นของบริษัทไออีซีนั้น นายสุมิทกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ที่จะต้องดำเนินการพิสูจน์ตัวเอง ที่ผ่านมาบริษัทได้เคยมีการยื่นขอเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายในช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ระบุว่ามีการซื้อขายผิดปกติจนทำให้ต้องมีการใช้มาตรการดังกล่าว แต่ตลาดหลักทรัพย์กลับไม่เคยส่งข้อมูลดังกล่าวให้และหากพิจารณาหลักทรัพย์อื่นที่มีการซื้อขายในลักษณะเดียวกันบางบริษัทก็ไม่ถูกดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน บริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว

"ในส่วนกระบวนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทกับตลาดหลักทรัพย์คงต้องเป็นไปตามกระบวนการของศาล ซึ่งหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ยื่นอุทธรณ์ศาลจะต้องมีคำสั่งให้บริษัทชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งบริษัทก็พร้อมจะให้ข้อมูลและชี้แจงทุกเรื่อง"นานสุมิทกล่าว

สำหรับแผนงานของบริษัทภายหลังที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครอง จะทำให้บริษัทสามารถนำเรื่องการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงเข้าที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทเพื่อพิจารณาขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 625 ล้านหุ้นได้ ซึ่งการขายหุ้นในครั้งนี้จะพิจารณาตามความเหมาะสมของเงินทุนที่บริษัทตั้งการใช้เป็นสำคัญ โดยยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะมีการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเท่าใด

นอกจากนี้บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากบริษัทจะได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาเพื่อขยายธุรกิจ โดยบริษัทอาจจะมีการปรับเป้ารายได้จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ 6,200 ล้านบาทโดยจะต้องรอความชัดเจนเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยคาดว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมการของบริษัทในภายในเดือนนี้

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นลงของราคาหุ้นไออีซี น่าจะยังผันผวนต่อไปแม้ศาลจะสั่งคุ้มครองหุ้นดังกล่าว สิ่งที่จะต้องติดตามคือการอุทธรณ์ของตลาดหลักทรัพย์ต่อศาลปกครองสูงสุดว่าจะออกมาอย่างไร

ทั้งนี้ นักลงทุนที่จะเขาลงทุนจะต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังเนื่องจากหากศาลปกครองสูงสุดมีมติยกเลิกคำสั่งของศาลปกครองโอกาสที่หุ้นไออีซีจะร่วงแรงเพราะว่านักลงทุนจะต้องซื้อด้วยเงินสดก็มีความเป็นไปได้อย่างมาก อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรจะเลี่ยงการลงทุนโดยรอความชัดเจนที่จะเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจเข้าลงทุนอีกครั้ง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.