“เฮียฮ้อ”ติดปีกดิจิตอลเฟื่อง งดแผนลงทุนสื่อทีวี-วิทยุ-สิ่งพิมพ์


ผู้จัดการรายวัน(15 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

เฮียฮ้อ แจงธุรกิจบันเทิงยังไม่ถึงทางตัน เพียงแต่รูปแบบเปลี่ยนเป็นช่องทางดิจิตอลเพิ่มขึ้น มั่นใจโมเดลธุรกิจใหม่ที่ปรับโครงสร้างบริษัทมากว่า 2 ปี เดินมาถูกทาง พร้อมลุยครึ่งปีหลังเตรียมบุกสื่อดิจิตอลคอนเท้นต์เป็นหลัก พร้อมรีวิวธุรกิจสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์ ใหม่ๆหมด เตรียมผุดไอเดียขายอีพีซิงเกิลอัลบั้มแบบไม่ครบ 10 เพลงจำหน่าย เพื่อลดต้นทุน สยายปีกลงเปิดบริษัท “อาร์เอส ไอ-ดรีม” รับจัดงานจากต่างประเทศเข้ามา มั่นใจสิ้นปีโกยรายได้เพิ่มขึ้น 25%

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบันเทิงในไทยยังไม่ถึงทางตันหรืออยู่ในช่วงขาล ความจริงแล้วตลาดนี้ก็ยังมีการแข่งขันที่ดีอยู่ การที่รายใดรายหนึ่งต้องล้มไปหมายความได้ว่าต้องมีผู้เล่นในตลาดบางรายที่มีแชร์เพิ่มขึ้น อีกทั้งโดยส่วนตัวแล้วมองว่าวันนี้ธุรกิจบันเทิงยังสดใสอยู่ เพียงแต่ผู้ที่ดำเนินธุรกิจนี้จะปรับตัวและมองเห็นโอกาสนั้นหรือไม่

โดยเฉพาะธุรกิจเพลงกำลังเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้นผู้บริโภคหันมาฟังผ่านเครื่องเล่นเอ็มพีสามหรือไอพอดมากขึ้น ผู้ที่จะยืนหยัดอยู่ในธุรกิจนี้ได้จะต้องมีการปรับตัวและสร้างโอกาสให้ตัวเองจึงจะสามารถอยู่ได้

“ธุรกิจเพลงในยุคดิจิตอลนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศมีมาหลายปีแล้ว ส่วนในประเทศไทยเองนั้นได้รับความนิยมสูงสุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯจึงได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และสร้างโมเดลธุรกิจขึ้นมาใหม่มาตั้งแต่ 2 ปีก่อน เพื่อรองรับสื่อดิจิตอลดังกล่าว ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเพลง จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทฯว่าต้องใหญ่อีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการดำเนินธุรกิจมากกว่า”

ปักธงรบรับยุคดิจิตอล

ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะทำธุรกิจเพื่อตอบรับยุคดิจิตอลคอนเท้นต์เป็นหลัก โดยจะเป็นในลักษณะของการลงทุนทางด้านความคิดสร้างสรรค์ ซอฟท์แวร์ และช่องทางดาวน์โหลดเพลงมากขึ้น เช่น การเปิดตัวเวบไซต์ www.mixiclub.com และการ์ดเติมเพลง ส่วนสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์นั้น จะไม่มีการขยายการลงทุนเพิ่มอย่างน้อย 1-2 ปีนับจากนี้

ปัจจุบันบริษัทฯได้เปิดตัวศิลปินลักษณะไซเบอร์สตาร์อย่าง “DDZ”ให้ผู้บริโภคฟังเพลงได้โดยการดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิตอลเท่านั้น ขณะนี้กวาดรายได้ไปกว่า 40 ล้านบาทแล้ว โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตจากกลุ่มสื่อนิวมีเดียหรือดิจิตอลนี้กว่า 100% โดยในปีที่ผ่านมามีการเติบโตกว่า 50-60%

การที่ทางบริษัทฯเบนเข็มลุยทางดิจิตอลคอนเท้นต์ นอกจากจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังช่วยให้บริษัทฯลดต้นทุนในส่วนของวัตถุดิบ สินค้าคงเหลือ และมีมาร์จิ้นที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับการผลิตออกมาในลักษณะแผ่นซีดี และเทปคาสเซ็ทอย่างที่ผ่านมา

ปิดตัวไลน์ผลิตเทปคลาสเซ็ท

ขณะนี้บริษัทฯได้มีการหยุดผลิตเทปคลาสเซ็ทไปกว่า 6 เดือนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาการจำหน่ายเทปและซีดีและวีซีดีเพลงนั้น จะเป็นการฝากขาย ซึ่งหากต้องการยอดขายมากเท่าไร การผลิตเทปและซีดีก็จะมากเช่นกัน แต่บริษัทฯต้องแบกรับภาระสินค้าคงเหลือเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเทปคาสเซ็ท ที่กำลังจะเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆจึงได้มีการหยุดผลิตไป ส่วนซีดีและวีซีดีเพลงนั้น ยังคงผลิตอยู่ แต่คาดว่าอีก 5 ปีมีทิศทางที่ลดลง โดยช่องทางดิจิตอลจะเข้ามาแทนที่และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดแทน

ผุดโปรเจกต์ อีพีซิงเกิลอัลบั้ม แบบไม่ครบ 10 เพลง*

ในไตรมาสสี่ เตรียมเปิดตัวโปรเจกต์อัลบั้มเพลงในลักษณะ “อีพีอัลบั้ม” หรือใน 1 อัลบั้มนั้นจะมีไม่ครบ 10 เพลง อย่างที่เคยเป็นมา ราคาจำหน่ายจะถูกลง เมื่อเทียบกับอัลบั้มเต็ม 10 เพลง จะมีทั้งลักษณะเป็นซีดี วีซีดี และดาวน์โหลดผ่านช่องทางคอนเท้นต์ดิจิตอลต่างๆ ซึ่งบริษัทฯจะยึดเป็นมาตรฐานต่อไปสำหรับศิลปินทั้งเก่าและใหม่ของบริษัทฯที่จะออกเทปต่อไป ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าตัวศิลปินและเซกเม้นต์ของกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลักว่าควรจะออกมากี่เพลง ส่วนอัลบั้มเต็มลักษณะ 10 เพลงนั้นต่อไปจะลดลง

สยายปีกจับมือไอ-ดรีม รุกธุรกิจรับจัดงาน

การลงทุนใหม่ได้ร่วมทุนกับไอ-ดรีม จัดตั้งบริษัท อาร์เอส ไอ-ดรีม จำกัด ขึ้นมา ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท บริษัทฯถือหุ้น 50% เพื่อดำเนินธุรกิจรับจัดงานในต่างประเทศ เพื่อช่วยเสริมศักยภาพให้บริษัท เนื่องจากไอ-ดรีมเองมีความเชี่ยวชาญในงานดังกล่าว ส่วนอาร์เอสเองมีสื่อ ศิลปิน อยู่ในมือ จึงมั่นใจว่าการร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดธุรกิจให้ได้ โดยในปีนี้จะมีอย่างน้อย 2 โปรเจกต์

“สถานการณ์ครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากที่สุด หากการเมืองยังไม่นิ่ง ก็จะส่งผลถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่วนปัจจัยลบทางเศรษฐกิจนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนก็ต้องปรับตัวและยอมรับมันได้ ส่วนบริษัทฯเองนั้นมั่นใจว่าจะยังคงมีรายได้เป็นไปตามที่ตั้งไว้กว่า 3,300 ล้านบาท และมีการเติบโตถึง 25%”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.