"เมอร์ชั่นฯ"หวังแชร์0.5%ถึงจุดค้มทุนเล็งหาพันธมิตรตปท.รุกธุรกิจอนุพันธ์


ผู้จัดการรายวัน(14 มิถุนายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์หวังมาร์เกตแชร์ 0.5% เปรยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสวนโบรกฯอื่นที่ขายสุทธิ พร้อมคาดวอลุ่มการซื้อขายปีนี้เฉลี่ยเหลือ 1.6-1.8 หมื่นล้านจากปีที่ผ่านมากว่า 2 หมื่นล้าน คาดนำบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนได้ในช่วงไตรมาส 3-4 หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย ระบุอยู่ระหว่างการหารือพันธมิตรร่วมดำเนินธุรกิจอนุพันธ์

นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้หากส่วนแบ่งการตลาด หรือ มาร์เกตแชร์ของบริษัทปรับขึ้นเป็นไปตามที่ได้มีการตั้งเป้าไว้ที่ 0.4-0.5% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 0.2% จะสามารถทำให้บริษัทสามารถถึงจุดที่คุ้มต้นทุนในการบริหารงานจากปัจจุบันที่ยังขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจอยู่

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถเพื่อมาร์เกตแชร์ของบริษัทได้เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาซึ่งมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจนส่งผลต่อการปรับลดลงของดัชนีซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติแต่ในส่วนของบริษัทยอดซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติกลับเป็นการซื้อสุทธิรวมถึงมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเปิดบัญชีกับบริษัทมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าแล้วประมาณ 1,000 บัญชี

"ถ้าบริษัทสามารถเติบโตได้ตามที่มีการตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ จะทำให้บริษัทถึงจุดคุ้มทุนได้หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจแต่เชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำได้เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาโบรกเกอร์ต่างๆมียอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติแต่ของเรามียอดซื้อสุทธิและยังมีการเปิดบัญชีเพิ่มอีกด้วย"นายเกษมสิทธิ์กล่าว

สำหรับมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา บริษัทคาดว่าในปีนี้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1.6-1.8 หมื่นล้านบาทต่อวันซึ่งปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน เนื่องจากปัจจุบันปัจจัยการทางเมือง ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน

อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาโดยหากพิจารณาในปีนี้ที่ผ่านมาในไตรมาส 1 จะเป็นช่วงที่ธุรกิจหลักทรัพย์มีการเติบโตก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงไลว์ซีซั่นในช่วงไตรมาส 2-3 แต่ทั้งนี้ยังเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ตลาดหลักทรัพย์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง

นายเกษมสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การเปิดสาขาใหม่เพิ่มของบริษัทคงขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าและภาวะตลาดหุ้นว่ามีความพร้อมหรือไม่ ซึ่งตามแผนของบริษัทที่วางไว้ปีนี้ บริษัทจะเปิด 2 สาขา โดยในขณะนี้เปิดไปแล้ว 1 สาขา ในส่วนของงานด้านวาณิชธนกิจของบริษัทคงต้องใช้เวลาอีกระยะ โดยบริษัทจะมีทั้งการเป็นที่ปรึกษานำบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนประมาณ 3 บริษัท และการควบรวมกิจการ ซึ่งคาดว่าหากตลาดเอื้ออำนวยในช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 บริษัทอาจจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้

ในส่วนของธุรกิจนายหน้าซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินธุรกิจ โดยอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อร่วมดำเนินธุรกิจซึ่งคาดว่าจะอยู่ในแถบเอเชียด้วยกัน

"การเปิดสาขาเพิ่มคงต้องรอจังหวะที่เหมาะสมก่อน ส่วนเรื่องการทำธุรกิจในตลาดอนุพันธ์เรากำลังอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อร่วมดำเนินธุรกิจซึ่งน่าจะเป็นบริษัทในเอเชีย"นายเกษมสิทธิ์กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.